

- แรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดันดัชนีแนสแด็ก-เอสแอนด์พี 500 ยืนแดนบวก
- ตลาดจับตาผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
- ทรัมป์ ประกาศ สั่ง รมว.คลังเตรียมพร้อมจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงให้กับชาวอเมริกันรอบ 2
เมื่อเวลา 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,845.49 จุด ลดลง 85.53 จุด หรือ -0.31% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,094.76 จุด เพิ่มขึ้น
75.46 จุด หรือ +0.68% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,380.48 จุด เพิ่มขึ้น 7.63 จุด หรือ +0.23%
นักลงทุนจับตาบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่จะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในสัปดาห์นี้ เช่น ผลประกอบการของ โฮม ดีโปท์, วอลมาร์ท, ทาร์เก็ต คอร์ป และโคห์ลส์ คอร์ป ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีเป็นกลุ่มที่มีแรงซื้อต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์มองว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจได้ในเร็วๆนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันศุกร์ว่า ทำเนียบขาวกำลังเตรียมการที่จะให้ความช่วยเหลือกับชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยเขาได้สั่งการให้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ เตรียมพร้อมจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงให้กับชาวอเมริกันทุกคน และระบุด้วยว่า เขาพร้อมที่จะให้กระทรวงคลังและสำนักงานบริหารธุรกิจขนาดเล็กส่งเงินโครงการคุ้มครองการจ่ายเงินเดือนเพิ่มเติมที่ได้รับอนุมัติในกฎหมายก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนหนึ่งยังชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางผลการเลือกตั้งที่อาจจะเป็นใครก็ได้ในขณะนี้ รวมทั้งจับตามแคมเปญรณรงค์การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาว่า มีมาตรการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร
นอกจากนั้น ตลาดยังคงมีกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เลื่อนการเจรจาเพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่กำหนดไว้ในวันเสาร์ที่ 15 ส.ค. เนื่องจากจีนและสหรัฐมีความขัดแย้งในเรื่องกำหนดเวลา และทางสหรัฐต้องการให้เวลาจีนในการซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มมากขึ้น
รวมทั้ง ยังมีรายงานข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมยกระดับมาตรการกีดกันบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีในวันนี้ โดยสหรัฐยังจะเพิ่มบริษัทในเครือหัวเว่ยลงบัญชีดำอีก 38 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ 152 แห่งแล้ว โดยบริษัทเหล่านี้ถูกขึ้นบัญชีดำเพราะสหรัฐมองว่าหัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีสหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูทิศทางเศรษฐกิจ ผ่านการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่ประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ 28-29 ก.ค.ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐฯนอกจากนั้น ยังรอตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมา เพื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง