

นักลงทุนขายหุ้นออกมาลดความเสี่ยงหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวเหนือระดับ 4% ตลาดจับตายอดค้าปลีกในวันพรุ่งนี้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่ง ทำกระดานแดงเถือก
- ตลาดลดน้ำหนักที่คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ลง
- เฟด สาขานิวยอร์ก เผย ดัชนีภาคการผลิต ยังไม่ฟื้นขายตัวต่ำกว่าคาด
เมื่อเวลาประมาณ 21.55น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 37,350.62จุด ลดลง 242.36 จุดหรือ–0.64% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,757.64 จุด ลดลง26.19จุดหรือ 0.55%ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 14,893.25 จุด ลดลง 79.51จุด หรือ–0.53%
ตลาดจับตายอดค้าปลีกในวันพรุ่งนี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.9%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
ด้านทิศทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผย ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ต่ำกว่าคาดในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่
โดยดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงสู่ระดับ -43.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -4.0 จากระดับ -14.5 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ในฝั่งยุโรป นายโรเบิร์ต โฮลซ์แมนน์ สมาชิกคณะกรรมการควบคุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ “”ถ้าเรายังไม่เห็นว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงสู่ระดับ 2% อย่างชัดเจน เราก็ยังไม่สามารถประกาศได้ว่าเราจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เมื่อใด” นายโฮลซ์แมนน์กล่าว
อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนดีดตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน ขณะที่เป้าหมายเงินเฟ้อของ ECB อยู่ที่ระดับ 2%