“ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์”ธุรกิจดาวเด่นน่าจับตา

  • เหตุผลประกอบการดีทั้งรายได้-กำไร โตต่อเนื่อง
  • รับเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น-ภาคอสังหาขยายตัว
  • แนะผู้ประกอบการปรับตัวผลิตสินค้ารับเทรนด์โลก

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจที่น่าจับตามอง ช่วงไตรมาส 3 ปี 66 พบว่า ‘ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์’ มีความโดดเด่น ผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องทั้งในแง่รายได้และผลกำไร แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รวมทั้ง การเข้ามาของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งจากภาคการบริการและท่องเที่ยว และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากความต้องการที่พักอาศัยสำหรับชาวไทยรายได้สูงและชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในไทยมากขึ้น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หรือปี 63-65 พบว่า รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละกว่า 160,000 ล้านบาท โดยปี 63 มีรายได้รวม 151,533.16 ล้านบาท กำไร 3,203.34 ล้านบาท, ปี 64 รายได้ 164,844.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.79% จากปี 63 กำไร 2,928.07 ล้านบาท ลดลง 8.60%, ปี 65 รายได้ 166,576.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.05% จากปี 64 กำไร 4,563.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.87% ขณะเดียวกัน การส่งออกยังขยายตัวได้ดี โดยไทยเป็นผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์อันดับที่ 25 ของโลก ปี 65 ส่งออกได้ 81,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 64 และยังมีช่องขยายตัวได้อีกมาก เพราะไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 0.7% ในโลก

สำหรับการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ ปี 63 จดทะเบียน 399 ราย ทุนจดทะเบียน 1,225.11 ล้านบาท ปี 64 จดทะเบียน 382 ราย ทุน 1,052.56 ล้านบาท และ ปี 65 จดทะเบียน 368 ราย ทุน 1,362.47 ล้าน ส่วนเดือนม.ค.-ส.ค.ปี 66 รจดทะเบียน 315 ราย ทุน 759.42 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของคนไทย 48,017.18 ล้านบาท คิดเป็น 98.00% ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด ขณะที่ต่างชาติลงทุนสูงสุด คือ จีน 5,606.99 ล้านบาท รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 2,238.51 ล้านบาท ญี่ปุ่น 479.56 ล้านบาท เป็นต้น

“ผู้ประกอบการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ควรปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และแนวโน้มความต้องการเฟอร์นิเจอร์รูปแบบต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เกิดกระแส เฟอร์นิเจอร์รักษ์โลก หรือกรีน เฟอร์นิเจอร์ และเกิดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้แข่งขันได้ในตลาดโลก และเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ”