

- วงเงิน 30,000- 50,000 ล้านบาท
- อัตราดอกเบี้ยประมาณ 2% ต่อปี
- มองกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยกลางปีดีขึ้น
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ ฝ่ายบริหารจะเสนอโครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 วงเงิน 30,000 -50,000 ล้านบาท ให้คณะกรรมการ(บอร์ด)ธอส.ที่มีนายยุทธนา หยิมการุณ เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางมีบ้านของเป็นตนเอง โดยราคาบ้านไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อหลัง อัตราดอกเบี้ยประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าครั้งแรก ราคาผ่อนชำระราว 4,000 บาท ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าบ้านหรืออพาร์ทเมนต์ และจะคิดเงินงวดคงที่ 10 ปี
สำหรับการปล่อยกู้โครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ปล่อยกู้ไปแล้ว 35,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการบ้านราคา 1 ล้านบาท โดยเชื่อว่าราคาบ้าน 1-1.2 ล้านบาท มีอัตราเติบโตสูงและมีแนวโน้มขยายตัวได้ ซึ่งจะเห็นได้จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายราย ได้ปรับแผนการลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง และสามารถผ่อนชำระได้ ไม่เป็นภาระมากเกินไป
“ธอส. ไม่ได้เข้ามาเป็นคู่แข่งของธนาคารพาณิชย์ เพราะเป็นสินเชื่อบ้านราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน แต่ถ้าต้องการบ้านที่ราคาเกิน 3-10 ล้านบาท ก็ไปยื่นกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ได้”
นายฉัตรชัย กล่าวว่า แนวโน้มกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปลายกลางของปี 2564 มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เอื้ออำนวยการในซื้อบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะแน้มโนมดอกเบี้ย ที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี และยังคาดว่าดอกเบี้ย จะอยู่ในระดับต่ำนี้ไปอีก 2-3 ปี นอกจากนี้ราคาที่อยู่อาศัย ยังอยู่ในราคาถูก เห็นได้จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ แข่งขันลดราคา เพื่อดึงกำลังซื้อ ขณะเดียวกันภาครัฐ ก็ช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการลดภาษีการโอนและการจดจำนองให้ ส่วนเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ก็มีแนวโน้มทางดี แม้รายได้จะลดลง แต่ดอกเบี้ยก็ลดตาม และที่สำคัญปีนี้มีปัจจัยบวกเขามาคือวัคซีนโควิด ทำให้คนไทยมั่นใจ ที่จะจับจ่ายใช้เงินมากขึ้น
นายฉัตรชัย กล่าวถึง มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ว่า ขณะนี้ ธอส. มีลูกค้าที่เข้าข่าย ซึ่งเป็นลงทุนสร้างแฟลตสำหรับให้เช่า วงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา ธอส.มีมาตรการดูแลอยู่แล้ว จากการดูข้อมูลเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมโครงการก็ได้
นอกจากนี้ ธอส.เตรียมออกสินเชื่อ นิว โฮม วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก อยู่ที่ 2.97% โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการไปแล้ว ซึ่งจะเริ่มปล่อยกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2564-2566 ผู้ประกอบการธุรกิจ จะต้องปรับตัว วางแผนธุรกิจแบบวิถีชีวิตใหม่ (นิว นอร์มอล) ที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ควรนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการออกที่อยู่อาศัยที่เป็นอัตโนโมัติ รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยด้วย ขณะที่รัฐบาล ยังคงลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตการเดินทางของประชาชน โดยมีแนวคิดจะนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินของระบบสถาบันการเงิน ที่มีสูงถึง 2 – 2.5 ล้านล้านบาท มาใช้ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาหาวิธีนำเงินดังกล่าวมาใช้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไรบ้าง
“หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาการจัดทำโซนนิ่ง หรือคัสเตอร์ที่อยู่อาศัย เพื่อสะดวกในการวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเดินทางของผู้อยู่อาศัย ต้องคุยกับการวางผังเมืองด้วย”