ธพส. พร้อมลุย เร่งศึกษาแนวทางบริหาร รร. แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ



ธพส. เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เข้าการศึกษาแนวทางพัฒนา โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ หลังครม. เคาะให้ ธพส. เข้าไปเป็นผู้บริหารโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ แทน บริษัท สหการโรงแรมฯ 

  • จากนี้ ต้องให้สหการโรงแรมฯ ไปหารือกับผู้ถือหุ้นรายแรกของโรงแรม ว่าต้องการ เข้ามาร่วมทุนใหม่หรือไม่
  • เผย ธพส. ต้องการให้เอกชนมาร่วมทุน เพื่อร่วมพัฒนาที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ให้เกิดมูลค่าสูงสุด
  • ชี้การบริหารทรัพย์สินดังกล่าว ควรมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เพราะราคาที่ดิน มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธพส. เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ ในการศึกษาแนวทางการพัฒนา โรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้ ธพส. เข้าไปเป็นผู้บริหาร กิจการแทน บริษัท สหการโรงแรม และการท่องเที่ยว จำกัด เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับ บริษัท สหการโรงแรมฯ เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง ถือหุ้นอยู่ 100% โดยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ร่วมหารือกับผู้บริหาร บริษัท สหการโรงแรมฯ ในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดิน และผู้ถือหุ้น ในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ โดยได้ข้อสรุปในเรื่องของการจัดตั้งที่ปรึกษาการเงินดังกล่าว

“ตอนนี้ทางสหการโรงแรมฯ ต้องไปหารือกับผู้ถือหุ้นรายแรกของโรงแรมดังกล่าว ว่าจะต้องการเข้ามาร่วมทุนใหม่หรือไม่อย่างไร โดยขอให้ทางผู้ถือหุ้นรายแรก เสนอเงื่อนไขการร่วมทุนมาให้ ธพส.พิจารณา เพื่อกำหนดโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ซึ่ง ธพส. เองก็ต้องการที่จะให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนในกิจการ เพื่อร่วมพัฒนาที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดมูลค่าสูงสุด”

นายนาฬิกอติภัค กล่าวด้วยว่า ทางที่ปรึกษาทางการเงินที่จะตั้งขึ้นนั้น จะต้องศึกษาถึงแนวทาง การบริหารจัดการที่ดินและทรัพย์สินที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เช่าอยู่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า มากที่สุด 

มีการประเมินมูลค่าที่ดิน เพื่อนำมาสู่การประเมินสัดส่วน การถือหุ้นของรัฐ ในโรงแรมดังกล่าวต่อไป รวมถึง ต้องศึกษาว่า ควรที่จะให้ บริษัท สหการโรงแรมฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของ ธพส. แทนที่จะจัดตั้ง เป็นบริษัทลูกของ ธพส. หรือไม่

ทั้งนี้ บริษัท สหการโรงแรมฯ ได้ถือครองที่ดิน ที่เป็นที่ตั้งของ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ จำนวน 9 ไร่ 3 งาน 98.5 ตารางวา และมีสัดส่วน การถือหุ้นราว 1 ใน 3 ในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณฯ โดยสหการโรงแรมฯได้ให้โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณฯ เช่าที่ดินเป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากปี 2534 ซึ่งสิ้นสุดระยะเวลา การเช่าตั้งแต่ปี 2564 

โดยปัจจุบัน ใช้สัญญาเช่า ในลักษณะปีต่อปี โดยธพส. เห็นว่า สัญญาเช่าในลักษณะ ปีต่อปีนั้น ควรนับรวม เป็นสัญญาเช่า กรณีที่จะให้โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ได้ต่ออายุสัญญาการเช่าที่ดิน ในระยะต่อไปด้วย

นายนาฬิกอติภัค กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ระบุว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญา การเช่าที่ดินดังกล่าวแล้ว ทาง สคร.และ คนร.เห็นว่า การบริหารสัญญาเช่า และอาคาร ของโรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ดังกล่าว ควรก่อให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่าปัจจุบัน 

ขณะที่ ศักยภาพของ บริษัท สหการโรงแรมฯ ต่อการบริหารสัญญาเช่านับหมื่นล้านบาท จะต้องมีเพียงพอ ดังนั้นคนร.จึงมอบหมายให้ สหการโรงแรมฯ เข้าไปควบรวม หรือตั้งเป็น บริษัทลูกใน ธพส. เพื่อให้ ธพส. ซึ่งมีศักยภาพในการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้ามาบริหารสัญญาเช่า โรงแรมดังกล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผลประโยชน์ที่รัฐได้รับ จากการให้เช่าที่ดิน และร่วมบริหารโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณฯ อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเห็นว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าดังกล่าว การบริหารทรัพย์สินดังกล่าวนี้ ควรจะมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาที่ดิน บริเวณดังกล่าว จะต้องมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สัดส่วนการถือหุ้นในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ได้แบ่งเป็น 3 ส่วน อันประกอบด้วย บริษัท สหการโรงแรมฯ 1 ส่วน อีก 2 ส่วน เป็นของภาคเอกชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 

ทั้งนี้ ภายหลังสิ้นสุด สัญญาเช่าดังกล่าว หาก ธพส. จะเข้ามาบริหารจัดการทรัพย์สินดังกล่าวใหม่ ต้องให้สิทธิ์ ผู้ถือหุ้นรายแรกพิจารณาว่า จะลงทุนรักษาสัดส่วน การถือหุ้นไว้หรือไม่อย่างไร

บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธพส. ขอ 3 ปี เนรมิตพื้นที่กว่า 40 ไร่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ