

- เล็งพิจารณาเว้นค่าเช่าที่ตลาด 3-6 เดือน ช่วยเหลือแม่ค้า
- ชี้ทำกรมเสียรายได้ 400 ล้าน แต่ไม่กังวลกระทบเป้าเก็บรายได้ปีนี้
วันที่ 6 มกราคม 2564 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ลดค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับที่อยู่อาศัย และการเกษตร เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีสัญญาเช่าอยู่กว่า 500,000 ราย ตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 ธ.ค.64 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์นั้นในปี 2564 ทางกรมยังไม่ได้มีมาตรการยกเว้น เพียงแต่ให้ผู้ประกอบการนำค่าเช่าที่ดิน ซึ่งกรมชะลอการจ่ายให้ในปี 2563 จำนวน 6 เดือนในช่วงโควิดรอบแรก มาทยอยจ่ายภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามกรมคาดว่ามาตรการลดค่าเช่าครั้งนี้ จะทำสูญเสียรายได้กว่า 300-400 ล้านบาท
“ผู้ประกอบการที่เช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์นั้น ขณะนี้กรมให้มาทยอยจ่ายค่าเช่าที่ดินในปีที่ผ่านมาก่อน ส่วนมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพราะโดนผลกระทบโควิดรอบใหม่นั้นกรมกำลังพิจารณาอยู่ ส่วนแม่ค้าพ่อค้าในตลาดที่เช่าที่ราชพัสดุและได้รับผลกระทบจากโควิดรอบใหม่ ส่วนใหญ่กรมให้เทศบาลเป็นผู้ดูแล ซึ่งกรมจะขอความร่วมมือจากเทศบาลให้ยกเว้นค่าเช่าออกไป 3-6 เดือน”
อย่างไรก็ตามการลดอัตราเช่าที่ดินครั้งนี้ จะไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ของกรมปี 2564 ที่ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้กว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากกรมมีแผนดำเนินการที่จะสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มตามเป้าที่วางไว้ เช่น ดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ รวมทั้งนำที่ราชพัสดุซึ่งได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภทเข้ามาจัดระเบียบด้วย
“ปีนี้กรมจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.ราชพัสดุพ.ศ.2562 โดยมีที่ดินรวมกว่า 2 ล้านไร่ ทำให้มีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเก็บอัตราการเช่า ซึ่งหากใช้ในเชิงสาธารณะก็จะคิดในอัตราต่ำ แต่หากใช้ในเชิงพาณิชย์จะคิดเต็มจำนวน โดยจะมีการเก็บอัตราค่าเช่าเป็นขั้นบันได เช่น เดิมเก็บค่าเช่าที่ 3% ซึ่งภายใน 3 ปี กรมจะทยอยเก็บอัตราค่าเช่าให้ครบ เพื่อไม่ให้กระทบการดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งประชาชน”
ส่วนราคาประเมินที่ดินนั้นยังบังคับใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562 ต่อไปอีกปี เนื่องจากการประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ (รอบบัญชีปี 64-67) ยังทำรายละเอียดไม่เสร็จสิ้น เพราะบางพื้นที่มีความเจริญขึ้นมากโดยเฉพาะพื้นที่ติดรถไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น ส่วนบางพื้นที่ตั้งราคาไว้สูงแต่ขายไม่ได้จึงต้องปรับลดราคาลงมา ทำให้กรมต้องประเมินราคาที่ดินใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากที่สุด
