“ธนาธร” ปราศรัยเดือด! จากอนาคตใหม่…สู่ก้าวไกล ลั่นทำอย่างไรก็ฆ่าไม่ตาย

  • ชี้วันนี้เติบโตขึ้นอย่างองอาจและใหญ่กว่าเดิม
  • พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วที่ผ่านประสบการณ์เคยนี้ยังสร้างปรากฎการณ์มากมาย
  • เอ่ยชัด! นายของพรรคก้าวไกลมีคนเดียวนัันคือพี่น้องประชาชนทุกคน

วันนี้ (12 ..66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่อนาคตใหม่ และก้าวไกล คือผู้คนและการเดินทาง โดยวันนี้ตนได้รับมอบหมายจากทางพรรคให้มาพูดคุยถึงการเดินทาง ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ จนมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ โดยระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ธนาธร กล่าวยกตัวอย่างสมาชิกพรรคที่ร่วมอุดมการณ์ไปด้วยกัน โดยคนแรกคือ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุลซึ่งก่อนหน้าที่จะมาสู่เส้นทางทางการเมือง นายปกรณ์วุฒิ เป็นนักดนตรีเป็มือเบสของวง Basher และเป็นนักธุรกิจสายเทคโนโลยี เป็นผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชันของคนไทยที่ชื่อว่า สต็อกเรดาร์ เป็นแอปฯ ที่ใช้ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งการที่เขามาร่วมกับพรรคมีความตั้งใจอยากที่จะเห็นการเมืองที่ไม่มีการทุจริตคอรัปชัน 

โดยนายปกรณ์วุฒิ ได้มีการไปตรวจสอบการถือหุ้นของรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งมีกฎหมายกำหนดไว้ว่า ห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทที่เป็นู่สัญญากับรัฐ เพราะรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจ ถามเนำบริษัทของตนเองมาเป็นคู่สัญญา อาจทำให้รัฐเสียประโยชน์ได้ 

ทั้งนี้ นายปกรณ์วุฒิ ไปตรวจสอบพบว่าบริษัทนี้ นำเอาพนังงานมาเป็นเจ้าของบริษัท แต่รัฐมนตรีเป็นเจ้าของบริษัทตัวจริง โดยการอภิปรายครั้งนั้นเปิดเผยให้เห็นว่าประเทศไทย ยังมีทุจริตในรูปแบบนี้อีกเยอะมาก ซึ่งจากการเปิดโปงในครั้งนั้น ส่ผลให้เมื่อช่วง 4 เดือนทีผ่านมา รัฐมนตรีคนดังกล่าวได้ถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และนี้เป็นผลงานของนายปกรณ์วุฒิ 

โดยในการปราศรัยของนายธนาธร ยังกล่าวถึงสมาชิกพรรคคนอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ นายนายธีรัจชัย พันธุมาศ นายรังสิมันต์ โรม ได้ออกมาเปิดโปงในเรื่องยาเสพติด โดยนายธีรัจชัย เป็นคนอภิปรายในสภาฯ และสร้างวาทะที่อมตะทางการเมืองนั้นคือ “มันคือแป้ง” ด้านนายรังสิมันต์ ก็อภิปรายในสภาฯ จนมีวาทะเด็ด “..ทรงเอ” และนี้ก็จะชี้ให้เห็นว่า ตัวอย่างที่รัฐมนตรีท่านนั้นจนไปที่ออสเตรเลียคือแป้ง แล้วทีมรัฐบาลจะจัดการด้านยาเสพติดได้อย่างไร พร้อมถามด้วยว่าจะมีคนเชื่อหรือว่าเป็นแป้งจริงๆ และถ้าจริงจะเอาไปทำราดหน้าหรืออย่างไร ซึ่งหลังนายธนาธร พูดจริงประชาชนที่อยู่ในฮอลล์ ต่างส่งเสียงเฮลั่นกันดังทั่วฮอลล์

ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ประชาชนทุกคนไม่ว่าพี่น้องชนชาติใด เป็นคนพื้นถิ่นที่ใด เป็นคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ประกอบอาชีพอะไร เราทุกคนล้วนเป็นคนเท่าเทียมกัน และทุกคนควรได้รับการปฎิบัติอย่างเสมอภาคกัน เข้าถึงการบริการจากรัฐอย่างเสมอภาคกันในสังคม ในประเทศนี้ 

โดยที่ผมมาปราศรัยให้ทุกคนฟัง ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเราปฏิบัติ ตามคุณค่าที่พวกเรายึดถือ ไม่ใช่เป็นเพียงสโลแกนสวยที่ติดไว้หน้าพรรค แต่เป็นการกระทำที่จะเกิดขึ้นจริงจากพวกเราพรรคก้าวไกล

นี้คือการเดินทางของพวกเรา เหตุผลที่เรากล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพล ผู้บารมี นัการเมืองที่ทุจริต เราการเผชิญหน้ากับเผด็จการ กลุ่มทุนผูกขาด ก็เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่นายของเรา แต่นายของก้าวไกลมีคนเดียว นัันก็คือพี่น้องประชาชนทุกคน

พรรคการเมืองนี้เป็นพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน และเป็นพรรคของประชาชน รวมถึงพรรคนี้ดำรงอยู่เพื่อประชาชน นี้คือพวกเราอนาคตใหม่ ก้าวไกล

นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ในทุกเรื่องที่ทำไปทำในขณะที่พรรคเราเป็นฝ่ายค้าน และทำในขณะที่ยังมีประสบการณ์ไม่มาก ซึ่งก็มีหลายคนดูถูกพรรคเราว่าทำไม่ได้หรอก แต่เราก็ทำได้ขนาดนี้

หากมาลองคิดดูว่าหากยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้นไปอีก จะออกมาดีขนาดไหน เราต้องการประสบการณ์แบบใหม่ต้องการเจตจำนงแบบใหม่ 

ที่ผ่านมาก็เห็นว่าประสบการณ์แบบเดิมๆ ที่มันพังอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นการทำมาจากคนที่บอกว่าตนเองเป็นคนมีประสบการณ์ไม่ใช่หรือ 

หลังจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เกิดคลื่นพลังการเปลี่ยนแปลงจากคนหนุ่มสาว ที่ไม่เคยเกิดและมีใครคาดเดาได้มาก่อน โดยคลื่นการเปลี่ยนแปลงนี้กระจายไปทั่วทุกภูมิภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่เชิงคุณภาพ ทำให้คนที่เคยถอดเสื้อแดงไปแล้ว กล้าหิบเสื้อแดงกับมาใส่ใหมอีกครั้งด้วยความภาคภูมิใจ ทำให้ประตูแห่งความเป็นไปได้ถูกเปิดออก ส่วนตัวมองว่าถือว่าเรื่องนี้มีราคาที่ต้องจ่าย นั้นคือการยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่สำหรับผมมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มสุดคุ้ม เพราะว่าไม่มีธนาธร็มีพิธา ไม่มีปิยบุตรก็มีชัยธวัช ไม่มีพรรณิการ์ก็มีพริษฐ์ อนาคตใหม่ฆ่าไม่ตาย แต่วันนี้เติบโตขึ้นอย่างองอาจ และใหญ่กว่าเดิม พร้อมตื่นรู้ทางการเมืองที่มากขึ้น”