ท่องเที่ยวตั้งเป้าดึงตลาดมุสลิมเข้าไทย 1 ใน 5 ของโลกปี’70 กรมท่องเที่ยว-5 องค์กรช่วยเอกชนชิงรายได้ 8.51 ล้านล้าน



  • กรมท่องเที่ยวดึงรัฐเอกชน 5 องค์กร ถกยุทธศาสตร์ 5 ปีหน้า ตั้งเป้าปี’70 ดึงนักท่องเที่ยวมุสลิมเข้าไทย 1 ใน5 ของโลก
  • เสริมทัพธุรกิจท่องเที่ยวทั่วไทย ร่วมวงขยายตลาดด่วน ตามคาดการณ์ปี’67 ทัวร์มุสลิมพร้อมใช้จ่ายเงินทั่วโลกสูงถึง 8.51 ล้านล้านบาท

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายภายในปี 2570 จะนำประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ของจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก ล่าสุดจึงได้จัดอบรมให้ความรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านบริการเพื่อการท่องเที่ยว โดยจัดเสวนาแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบการประชุมทางไกล (online meeting) โดยมีผู้สนใจทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 300 ราย ถึงแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม ระยะ 5 ปีหน้า (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยได้นำวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจาก 5 องค์กรหลัก ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 2.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 3.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4.สถาบันฮาลาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และ 5.สมาคมการค้าการท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา สถานบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว

ตามแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม ต่อเนื่องตลอด 5 ปีข้างหน้าตามนโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดใหม่ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต โดยเฉพาะ “ตลาดตะวันออกกลาง” หลังจากนายกรัฐมนตรีนำทีมประเทศไทยเดินทางไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับทางซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมกราคม 2565 โดยเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า การท่องเที่ยว อีกทั้งก่อนเกิดโควิด-19 ผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวรุกเจาะตลาดนักมุสลิมในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลกเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก คิดเป็น 10 % ของนักเดินทางทั้งหมด และมีความต้องการเฉพาะซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากเป็นตลาดเกิดใหม่มีประชากรเติบโตสูง โดยมีข้อกำหนดคล้ายคลึงกัน หลายเรื่อง คือ ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเป็นมิตรกับชาวมุสลิม มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีรูปแบบการเดินทางแตกต่างกันไป ตามอายุ เพศ และวัตถุประสงค์ของการเดินทาง ทำให้กรมการท่องเที่ยวต้องเร่งบูรณาการทำงานร่วมกับพันธมิตรข้างต้นทั้ง 5 องค์กร เพื่อกำหนดทิศทางทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการสร้างเอกภาพร่วมมือกันสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ สร้างกระบวนการผลิตสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ยกระดับท่องเที่ยวเข้าสู่มาตรฐานการบริการรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

ตามคาดการณ์ภายในปี 2567 นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจะใช้จ่ายสูงถึง 2.74 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ8.51 ล้านล้านบาท (คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย ปี 2562 : 1 USD = 31.047 บาท โดยอ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย) จากสถิติก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2561 มีนักท่องเที่ยวมุสลิมใช้จ่ายเงินเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกมากถึง 1.89 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.87 ล้านล้านบาท

ปัจจุบันยังไทยติดอันดับ 4 ของโลก โดยยังคงเป็นประเทศจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมุสลิมที่ไม่ใช่รัฐอิสลาม(กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม หรือ Non-OIC) ซึ่งมีประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ อังกฤษ ไต้หวัน ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครองความนิยมด้วยจุดแข็งหลักคือ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกซึ่งเป็นพื้นฐานของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และพบข้อมูลนักท่องเที่ยวมุสลิมจากตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม ล้วนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญกับทั่วโลก

ระหว่างปี2560 – 2562 สามารถนำนักท่องเที่ยวมุสลิมมาเมืองไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้ ปี 2560 ทำได้ 875,043 คน รายได้ 72,739.64 ล้านบาท ปี 2561 ทำได้ 767,318 คน สร้างรายได้ 61,795.44 ล้านบาท ปี 2562 ทำได้ 727,318 คน สร้างรายได้ 57,381.19 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยสามารถทำวันพักเฉลี่ยได้สูงถึง 13 วัน/คน/ทริป ด้วยการใช้จ่ายเงินในไทยกว่า 6,000 บาท/คน/วัน เปรียบเทียบแล้วจัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงซึ่งใช้เงินมากกกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบภูมิภาคอื่น ๆ

สัดส่วนนักท่องเที่ยวมุสลิมกลุ่มที่น่าสนใจเป็น “ผู้หญิง” สถิติปี 2561 มีประมาณ 28% ของผู้หญิงทั้งหมดที่เดินทางและชื่นชอบเดินทางคนเดียว (Solo Travels) ซึ่งมีแรงจูงใจสำคัญคือ เรื่องที่ 1 ร้านอาหารฮาลาลเป็นสำคัญ 94% เรื่องที่ 2 ห้องละหมาดที่แต่ละประเทศคำนึงถึงที่จะให้บริการเฉพาะผู้หญิง 86% เรื่องที่ 3 การเลือกสถานเสริมความงามและสปาสำหรับผู้หญิงเท่านั้น 79% เรื่องที่ 4 การเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 73%

ส่วนนักท่องเที่ยวมุสลิมจากตะวันออกกลาง ประเทศเติบโตสำคัญสุดเรียงตามลำดับคือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ เลบานอน และคูเวต พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุสลิมเลือกมาเที่ยวเมืองไทยโดยมีแรงจูงใจหลายอย่าง เช่นต้องการพักผ่อนและสัมผัสสถานที่ใหม่ ๆ หลีกหนีอากาศในฤดูร้อน อยากเรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมใหม่ ชอบจับจ่ายซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เครื่องเทศ สมุนไพร แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องหนัง เครื่องแต่งกายของไทย เลือกท่องเที่ยวเชิงเกษตรชอบรับประทานอาหารไทย ชอบอาหารสะอาด ถูกสุขอนามัยที่ได้รับเครื่องหมายฮาลาล และนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางยังนิยมเลือกโรงแรมมากกว่าที่พักอื่น ๆ มีมากถึง 68% สนใจจุดหมายปลายทางในพื้นที่ท่องเที่ยวซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าเมืองเล็ก ๆ และนิยมการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น

ดังนั้นกรมการท่องเที่ยวจึงเร่งเดินหน้าทำตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว 5 ปีหน้า 2566-2570 ประกอบด้วย 5 เรื่องสำคัญ คือ

เรื่องที่ 1 ยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก

เรื่องที่ 2 พัฒนาสินค้า บริการ และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม

เรื่องที่ 3 สนับสนุนการนำเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมุสลิม

เรื่องที่ 4 บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม

เรื่องที่ 5 เพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างการรับรู้ความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen