“ทีดีอาร์ไอ” เผยหัวใจสำคัญพาไทยพ้นภัย ‘เอลนีโญ’ คือการบริหารน้ำ

“ทีดีอาร์ไอ” ประเมิน “เอลนีโญ” ไม่กระทบไทยเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ชี้การบริหารน้ำเป็นหัวใจสำคัญของการเกษตรในปี 2567 แนะรัฐเริ่มสร้างความเข้าใจ ให้เกษตรกรบางส่วนปลูกพืชใช้น้ำน้อย

  • “เอลนีโญ”ไม่กระทบความมั่นคงทางอาหาร
  • แนะรัฐเริ่มสร้างความเข้าใจ
  • ให้เกษตรกรบางส่วนปลูกพืชใช้น้ำน้อย

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงสถานการณ์ภาวะเอลนีโญรุนแรง ที่จะมีผลต่อเนื่องไป 1 – 2 ปีว่าเบื้องต้นประเมินว่าจะไม่ถึงกับส่งผลให้ประเทศไทยเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร (food shortage) หรือเกิดผลกระทบในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร (food security) ของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ถือว่ามีความสมบูรณ์ในเรื่องอาหาร เป็นเสมือนผู้ส่งออกอาหาร และครัวของโลก

“ดูแล้วปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นยังไม่กระทบมากในปีนี้ หากจะกระทบมากขึ้นไปจนถึงเรื่องของอาหารภายในประเทศอาจจะเป็นปีหน้า ต้องดูว่าในปีหน้ามีปัญหาความแห้งแล้งมากขนาดไหน หากไม่ใช่ภัยแล้งที่รุนแรงก็คงไม่มีปัญหาในการกระทบกับซัพพายอาหารในประเทศมากนัก”

ทั้งนี้เรื่องที่สำคัญที่หน่วยงานของรัฐต้องติดตามก็คือปริมาณน้ำฝนที่จะเข้าสู่เขื่อนหลัก และการวางแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อน และในพื้นที่ชลประทานให้ดีถือเป็นหัวใจสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับการเพาะปลูกได้

นอกจากนั้น เกษตรกรบางส่วนควรปรับมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยลงแทน ซึ่งหน่วยงานภาครัฐควรเข้าไปช่วยวางแผนปรับเปลี่ยนการผลิตในส่วนนี้ซึ่งจะทำให้ภาคเกษตรของเรามีความพร้อมมากขึ้นในการผ่านช่วงเอลนีที่มีความรุนแรงมากขึ้นได้