ทอท.กำไรทะลัก-เดินหน้าทุ่มเงินขยายสนามบินเฉียดแสนล้าน

  • นำร่องปีหน้าหมื่นล้าน สร้างขยาย”East Expansion-ดอนเมืองเฟส3-ภูเก็ต-เชียงใหม่”
  • รับอุตสาหกรรมการบินกลับมาโตก้าวกระโดด
  • คาดปี 67 ผู้โดยสารใช้บริการ 6 สนามบินรวมกว่า 130-140 ล้านคน

ทอท. วาดแผนลงทุน 6 ปี ตั้งแต่ ปี 67-72 ทุ่มงบเหยียบแสนล้านบาทขยายขีดความสามารถ 6 สนามบิน นำร่องปีหน้าหมื่นล้าน สร้างขยาย”East Expansion-ดอนเมืองเฟส3-ภูเก็ต-เชียงใหม่” รับอุตสาหกรรมการบินกลับมาโตก้าวกระโดด คาดปี 67 ผู้โดยสารใช้บริการ 6 สนามบินรวมกว่า 130-140 ล้านคน ส่งผลปี 67 มีกระแสเงินสดเข้ากระเป๋ากว่า 7 หมื่นล้าน

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยว่า หลังจากอุตสาหกรรมการบินกลับมาเติบโตต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณผู้โดยสารกลับมาใช้บริการ 6 สนามบินของ ทอท.มากขึ้นรวมกว่า 100 ล้านคนต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับยอดปริมาณผู้โดยสารก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิดในปี 62 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 66 ทอท.มีรายได้รวมกว่า 48,140 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 8,790 ล้านบาท จากที่ปีก่อนหน้าขาดทุนสุทธิรวมกว่า 11,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ทอท.ยังคาดว่าใน 67 ปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการจะมีมากถึง 130-140 ล้านคน ต่อปี ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน ทอท.จะเดินหน้าลงทุนขยายขีดความสามารถสนามบินต่อเนื่องตั้งแต่ปี 67-72 รวมกว่า 97,000 ล้านบาท โดยในปี 67 ทอท.มีแผนที่จะลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ในแผนลงทุนในปี 67 ทอท.จะขยายขีดความสามารถ 1.สร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสาร (East Expansion)สนามบินสุวรรรณภูมิ มูลค่าลงทุน 9,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ปลายปี 67ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มเป็น 15 ล้านคน/ปี ,2.ขยายสนามบินดอนเมืองเฟส 3 มูลค่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ และปรับปรุงอาคาร 1 และ2 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศ เพื่อรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 50 ล้านคนต่อปี คาดประมูลได้ ปลายปี 67-ต้นปี68

,3.ขยายสนามบินภูเก็ต ระยะที่ 2 วงเงิน 8,300 ล้านบาท สร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ คาดเริ่มประมูลสร้างได้ไตรมาส 2 ปี 68 รองรับผู้โดยสารได้18 ล้านคนต่อปี และ 4.ขยายสนามบินเชียงใหม่ เฟส 1 มูลค่า8,000 ล้านบาท คาดเปิดประมูลได้ปลายปี 67 รองรับผู้โดยสารได้ 16.5 ล้านคนต่อปี

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันทอท.มีกระแสเงินสดในมือประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทจากเดิมก่อนสถานการณ์โควิดมีกว่า 70,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์การบิน อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกกลับมาเติบโต และการเดินทางเข้าออกของเที่ยวบินมายังประเทศไทยและผ่านสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทอท.6สนามบินโตต่อเนื่องและยังคาดว่าปีหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ดังนั้นจึงคาดว่าในปี 67 จะมีกระแสเงินรายรับเข้ามากว่า 70,000 ล้านบาท และเมื่อหักกระแสเงินสดรายจ่ายลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาทก็จะเหลือกระแสเงินสดในมือรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นการลงทุนที่ ทอท. จะมีขึ้นจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแน่นอน

สำหรับแผนการลงทุนของ ทอท. ตั้งแต่ปี 67-72 รวมกว่า 97,000 ล้านบาทเฉียดแสนล้านบาทนั้น แบ่งการลงทุนในแต่ละปีดังนี้ โดยการลงทุนในปี 67 ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท , ปี 68 งบลงทุนกว่า 21,000 ล้านบาท , ปี 69 งบลงทุนกว่า 24,000 ล้านบาท , ปี 70 งบลงทุนกว่า 18,000 ล้านบาท , ปี 71 งบลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท , ปี 72 งบลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท

นายกีรติ กล่าวถึงนโยบายวีซ่าฟรีของรัฐบาลที่ให้กับ ประเทศจีน คาซัคสถาน อินเดีย และ ไต้หวันนั้นพบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าสนามบินของ ทอท. เพิ่มขึ้น จากเดิม เช่น นักท่องเที่ยวจีนจากเดิมมี13,200 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 16,800 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 27.3% นักท่องเที่ยวคาซัคสถาน เพิ่มขึ้น จากเดิม 230 คนต่อวัน เป็น 560 คนต่อวัน , นักท่องเที่ยวอินเดีย เพิ่มขึ้น 17%จากเดิม 5,100 คนต่อวัน เป็น6,000 คนต่อวัน ส่วนไต้หวัน เพิ่มขึ้น 18%จากเดิม 3,800 คนต่อวัน เป็น 4,500 คนต่อวัน นอกจากนั้นยังพบว่าปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ผ่านเข้าออก สนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้น 2.5% และ สนามบินสุวรรณภูมิก็เพิ่มขึ้น 7.04%ด้วย ซึ่งเมื่อเทียบระหว่างไตรมาส3 ของปี 66 กับไตรมาส4ปี66 พบผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.7% หรือหากเฉลี่ยปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกต่อวันพบว่า ปัจจุบันมีกว่า 175,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นยอดปริมาณผู้โดยสารที่ใกล้เคียงกับปี62