ททท.โหมตลาดเอเชียปี’66 สู่ยุคทอง โกยจีน 3 แสนล้านบาท นำธุรกิจลุยโร้ดโชว์ “เซี่ยงไฮ้-กวางโจว-เฉินตู” 19-24 ก.พ.นี้



  • ททท.ติดอาวุธปี’66 สู่ยุคทองปรับใหม่รายได้ตลาดเอเชีย ชูทัวร์จีนโกยแน่ 3 แสนล้าน
  • เล็งนักท่องเที่ยว 4 ตลาดใหญ่ “มิลเลนเนียล-ครอบครัวพ่อแม่ลูก-ผู้หญิง-อินเซ็นทีฟ”
  • 19-24 ก.พ.66 ผนึก เอกชนไทยเทรนด์ใหม่ 60 ราย บุกโร้ดโชว์ 3 เมือง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู
  • ผ่าสัญญาณ ATF 2023 อาเซียนแข่งเดือด 3 ประเทศ “ไทย-เวียดนาม-กัมพูชา”งัดประกาศปีท่องเที่ยวดึงรายได้

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 นักท่องเที่ยวตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนมาครบแล้วทั้งแบบเดินทางอิสระโดยลำพัง (FIT) และหมู่คณะ (GIT) สถิติมกราคมปีนี้เพียงเดือนเดียวมามากกว่า 91,000 คน จากเป้าตั้งไว้เพียง 60,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 30 % และภายในกุมภาพันธ์จะเกินเดือนละแสนคน ตอนนี้ต้องเร่งนำเที่ยวบินจากจีนกลับมาให้ได้เพราะยังมีเพียง 30 % แต่การเพิ่มเป็นแบบช้า ๆ เพราะข้อจำกัดเรื่องการนำเครื่องบินกับจำนวนที่นั่งเที่ยวบินกลับมาคงต้องใช้ อาจจะไม่ได้เพิ่มอย่างรวดเร็วทันที 1-2 เท่า เพียงแต่เพิ่มทุกเดือนตลอดปีนี้ตลาดจีนมากสุดมีแนวโน้มจะถึง7-8 ล้านคน ตามเป้าจะต้องฟื้นรายได้ตลาดจีนกลับมาให้ได้เกินกว่า 2.93 แสนล้านบาท จากเดิมปี 2562 ทำไว้เกือบ 6 แสนล้านบาท

ส่วนพฤติกรรม “กรุ๊ปทัวร์จีน” จะมี 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 สนใจเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเป็นไปตามโปรแกรมขายที่ระบุไว้ เที่ยวเมืองชายทะเล ได้แก่ ภาคตะวันออก เกาะเสม็ด พัทยา ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ในภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติภาคเหนือ ในเชียงใหม่ เรื่องที่ 2 การใช้จ่ายเงิน เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมนิยมช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร ตอนนี้ร้านอาหารในเชียงใหม่เปิดบริการคึกคักมากต้อนรับเที่ยวบินจีนและฮ่องกง เรื่องที่ 3 กิจกรรมระหว่างท่องเที่ยวจะเน้นโปรแกรมทัวร์คุณภาพ

ททท.วางกลยุทธ์รุกเจาะนักท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ตลาดทัวร์จีนจะมีทั้งหมด 4 กลุ่มหลัก แบ่งเป็น ช่วงครึ่งแรกปี2566 จะมี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มิลเลนเนียล คนรุ่นใหม่ กลุ่มที่ 2 ครอบครัวเป็นคู่พ่อแม่ลูก กลุ่มที่ 3 ผู้หญิง ช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่ม กลุ่มที่ 4 นักเดินทางเพื่อเป็นรางวัลหรือ Incentive เปรียบเทียบตัวเลขกับปีปกติ 2562 มีอินเซนทีฟจีนเข้าเมืองไทยทำให้ตัวเลขรวมทั้งหมดทำได้ถึง 11 ล้านคน

นายธเนศวร์กล่าวว่า ททท.ได้จัดเตรียมสินค้าท่องเที่ยวขานรับเซกเมนท์ตลาด เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดมิลเลนเนียลส่วนใหญ่เป็น Gen Z จะ “ชูขายที่พัก” นำเสนอโรงแรมสไตล์ CHIC, ดีไซน์ และซิตี้ จะไม่เน้นห้องพักพูลวิลล่า แต่เน้นห้องพักที่มีบริการสะดวกสบาย มีพื้นที่ภายในห้องพักกว้างขวาง มีสระน้ำขนาดเล็ก “ทำเล” ควรตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ หรือร้านอาหารแบบเก๋ ๆ ในเชียงใหม่เป็นพื้นที่ตัวอย่างด้านการลงทุนร้านอาหารเก๋ไก๋ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งนำห้องแถวตามซอกมุมตึกมาตกแต่งใส่ดีไซน์สะอาดน่านั่ง มีนักท่องเที่ยววัยรุ่นต่างชาติจำนวนมาก

ระหว่าง 19-24 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ททท.จะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปทำ “โร้ดโชว์” ครั้งแรก ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 เมือง เซี่ยงไฮ้ เฉินตู กวางโจว ทางผู้ซื้อหรือBuyer ของจีนแจ้งความประสงค์มาแล้วขอให้นำเอกชนไทยคัดแล้วมี 60 ราย จะเป็นผู้ขายหรือ Saler จากเมืองไทยจะต้องมีโปรดักซ์ชัดเจนขานรับตลาดจีนเทรนด์และเซกเมนท์ตลาดข้างต้นมากที่สุด และสอดคล้องกับธีมขายของ ททท.Amazing New Chapters

สำหรับเอกชนท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปโร้ดโชว์กับ ททท.ในจีนรอบแรกนี้ได้คัดผู้ประกอบการที่มีสินค้าท่องเที่ยวคุณภาพของทั้ง 60 ราย นำเสนอได้ครบทุกมิติ ที่พักโรงแรม สวนสนุก/สวนน้ำ/ธีมปาร์ค รถนำเที่ยว บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยว/DMC (Destination Management Company) ซึ่งจะเป็นคู่ค้าสำคัญของกรุ๊ปทัวร์จีน นอกจากนี้ยังวางแผนทำโร้ดโชว์จีนเมืองอื่น ๆ ต่อไปด้วย

แนวโน้มตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นไปจะเริ่มมี “กรุ๊ปทัวร์จีน” และเที่ยวบินจากจีนกลับมา นำคนเดินทางเข้ามามากขึ้น รวมทั้งจะมีเซกเมนท์ใหม่ ๆ กลุ่มอินเซนทีฟกับคอร์ปอเรตขนาดใหญ่เพิ่มเป็นจำนวนมากเป็นไปตามเป้าหมายปีนี้

นายธเนศวร์กล่าวว่า ตลาดสำคัญอีกตลาดหลัง ททท.นำเอกชนเข้าร่วมขายในงาน ATF :Asean Tourism Forum 2023 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนผู้ขายจากสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนรวมทั้งไทย กับผู้ซื้อจากตลาดใหญ่ทั่วโลกทั้งจาก ยุโรป อเมริกา จีน ญี่ปุ่น เดินทางมาท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมือหลายอย่างที่จะเชื่อมการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน โดยมีเวทีการขายหรือ TRAVEX 2023 ระหว่างบรรยายบนเวที market briefing แต่ละประเทศงัดสินค้าดี ๆ มาแข่งขันกันโชว์เพื่อดึงความสนใจคู่ค้ากันอย่างดุเดือด

ส่วน ททท.ได้รับความสนใจจากหลายประเทศขอคำแนะนำเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศของตนเองถึงความสำเร็จของไทยในการทำ “โมเดลท่องเที่ยว” ซึ่งสามารถเปิดประเทศอย่างราบรื่นเป็นโยบายรัฐบาลไทยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นผู้นำเชิงรุกเนื่องจากประเทศต้องพึ่งพารายได้หลักจากการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นในงาน ATF 2023 แต่ละประเทศจึงพากันประกาศปีท่องเที่ยวชนกันถึง 3 ประเทศ ได้แก่ Visit Thailand Year/ไทย Visit Vietnam Year/เวียดนาม และ Visit Cambodia Year/กัมพูชา ทำให้ปี 2566 กลายเป็นปีท่องเที่ยว ซึ่งล้วนเป็น 1 ใน 20 ประเทศ ที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศให้ประชาชนจีนเดินทางมาท่องเที่ยวได้

บรรยากาศใน ATF 2023 อบอวนไปด้วย “การแข่งขัน” ท่ามกลางสัมพันธ์ของกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่จะร่วมมือกันส่งเสริมให้เป็นภูมิภาคที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาใช้จ่ายเงินให้ได้มากที่สุด ททท.เองก็ได้ทำหน้าที่รักษา “ความเป็นผู้นำการตลาดท่องเที่ยว” หรือ Market Leader แห่งอาเซียนไว้ให้ได้ ซึ่งมีไฮไลต์ที่แต่ละประเทศนำเสนอจุดขายใหม่ได้แก่ “การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ/Responsible Tourism เช่นอินโดนีเซีย ชูเรื่องกรีนทัวริสซึ่มค่อนข้างมาก แต่ในเชิงความสะดวกสบายที่พัก แหล่งท่องเที่ยว มาตรฐานการบริการที่ดี กับโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงเข้าถึงง่าย ยกเว้น บริเวณถนนสายพระราม 2 ยังไม่ค่อยสะดวกมากนักกับนักท่องเที่ยวอาเซียนที่ชื่นชอบจุดหมายปลายทางไปยังหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

ททท.ยังเดินหน้าปรับแผนใหม่ในเอเชียตะวันออก คือ “ญี่ปุ่น” มอบหมายให้ ททท.3 สำนักงาน โตเกียว โอซาก้า ฟูกูโอกะ ควรจะต้องเร่งทำกลยุทธ์กระตุ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละตลาด เพราะตอนนี้ญี่ปุ่นใช้แคมเปญแจกคูปองท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งไม่ได้อยู่ในรายชื่อ 20 ประเทศ ที่จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไป จึงเน้นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัซึ่นเองเพื่อรักษาเศรษฐกิจและรายได้ปีนี้ ทำให้ ททท.ต้องปรับแผนให้ทันต่อเหตุการณ์ใหม่ในญี่ปุ่นต่อไป

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen