ททท.เปิดแผนปี’67 ปั๊มตลาดไกล 4 ทวีป เกิน 10 ล้านคน งัดใช้ 3 กลยุทธ์ EFG ตั้งเป้า 1 สำนักงาน นำเข้าทัวร์ 1 ล้านคน



  • ททท. เปิดแผนปี’67 รุกตลาดไกล 4 ทวีป “ยุโรปอเมริกาตะวันออกกลางแอฟริกางัดใช้ Ready to Move EFG นำเข้าเกิน 10 ล้านคน
  • เดินหน้าต่อยอด 3 กลยุทธ์ “Ecosystem” สร้างสินค้าและท่องเที่ยวยั่งยืน “Fantastic Four” แจกการบ้าน 1 สำนักงาน
  • เพิ่มทัวร์คุณภาพ 4 ตลาด “Go Beyond A Million” ตั้งเป้า 1 สำนักงาน นำเข้านักท่องเที่ยว 1 ล้านคน

นายศิริปกรณ์เชี่ยวสมุทรรองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปแอฟริกาตะวันออกกลางและอเมริกาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เปิดเผยว่าขณะนี้ททท.กำลังทำแผนตลาดปี2567ตลาดระยะไกล/LongHaul 4ทวีปยุโรปอเมริกาตะวันออกกลางแอฟริกาภายใต้หมุดหมายหลัก2ธีม“High Value-ท่องเที่ยวมูลค่าสูงกับSustainability –ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า40% ของเป้าหมายทั้งหมดคือ 1.9ล้านล้านบาทคิดเป็นประมาณ4.75แสนล้านบาทนำเข้านักท่องเที่ยวให้ได้ไม่น้อยกว่า30%ของเป้าหมายทั้งหมด34ล้านคนหรือคิดเป็นประมาณ10.2ล้านคน

ปี 2567 ททท.เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ABCD+ECF ตั้งเป้าหมุดหมายหลัก 2 ธีม “High Value-ท่องเที่ยวมูลค่าสูงกับ Sustainability –ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” วางแผนขยายตลาด้วย EFG -Ready to Move พร้อมจะเคลื่อนทัพท่องเที่ยวเพิ่มอีก 3 กลยุทธ์ ได้แก่

กลยุทธ์ที่ 1 E-Ecosystem Sustainability ทำให้ระบบนิเวศน์ท่องเที่ยวยั่งยืน ทั้งระบบนิเวศน์ที่มีประชากร 4 ล้านคน แชร์ประสบการณ์ประมาณ 10 % ของแรงงานไทยต้องมีเรื่องยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้

กลยุทธ์ที่ 2 F-Fantastic Four ทุกสำนักงานทั่วโลกที่ดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวระยะไกลจะต้องวางตำแหน่งเซกเมนต์ตลาดคุณภาพสูงให้ชัดเจนโดยเลือกมาให้ครบ 4 ตลาด/สำนักงาน ได้แก่ ลัวชัวรี่ คู่แต่งงาน/ฮันนีมูน LGBTQ+ มิเลนเนียลนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม (health & Wellness) และอื่น 

กลยุทธ์ที่ 3 G-Go Beyond A Million จะต้องเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวสร้างโอกาสให้แหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยให้ได้ ตามคอนเซ็ปต์ 1 สำนักงาน จำนวนนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ทำต่อเนื่องจากปี 2566 คือ 1 สำนักงาน 1 โปรเจกต์หากสำนักงาน ททท.ในยุโรป ทำเองโดยลำพังแห่งเดียวไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีจับมือกับสำนักงานอื่นเพื่อให้เป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

สำหรับกลยุทธ์ EFG ตามแผนปี 2567 นั้น ททท.ได้ทำต่อยอดจากปี 2566 ที่ใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนเร็วไปข้างหน้าหรือ“ABCD -Fast Forward” ประกอบด้วย A-Airline Focus ร่วมมือกับสายการบินเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาได้อย่างสะดวก B-Big Cities &Beyond  กระจายนักท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรองอย่าง C-Collaboration is Key ร่วมกับพันธมิตรใหม่ในต้องการโปรโมตเมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน D-Destination For All ทุกตลาดทุกเมืองสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปีหรือ All year round

ขณะเดียวกันยังมีข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT -The Civil Aviation Autority of Thailand)  สนับสนุนการท่องเที่ยวตลาดระยะไกลตลอดช่วงตารางบินฤดูร้อน รวม 30 สัปดาห์ ระหว่างเมษายนตุลาคม 2566  มี “เที่ยวบินต่างประเทศเข้าไทย” รวม 100,493 เที่ยวบิน เข้าออก 8 สนามบินนานาชาติหลัก ได้แก่

1.สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) 57,078 เที่ยวบิน

2.สนามบินนานาชาติดอนเมือง (DMK) 25,099 เที่ยวบิน

3.สนามบินนานาชาติภูเก็ต (HKT) 12,031 เที่ยวบิน

4.สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ (CNX) 4,702 เที่ยวบิน

5.สนามบินนานาชาติสมุย (USM) 633 เที่ยวบิน

6.สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (UTP) 474 เที่ยวบิน

7.สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ (HDY) 434 เที่ยวบิน

8.สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย 42 เที่ยวบิน

ตลอดตารางบินฤดูร้อนปี 2566 มี “10 ประเทศหลัก” มี “เที่ยวบินเข้าไทยมากที่สุด” ได้แก่

1.สาธารณรัฐประชาชนจีน 19,368 เที่ยวบิน 2.สิงคโปร์ 8,529 เที่ยวบิน 3.มาเลเซีย 8,516 เที่ยวบิน 4.เวียดนาม7,955 เที่ยวบิน 5.อินเดีย 6,757 เที่ยวบิน

6.ฮ่องกง 5,584 เที่ยวบิน 7.เกาหลีใต้ 5,199 เที่ยวบิน 8.ญี่ปุ่น 5,069 เที่ยว 9.กัมพูชา 4,640 เที่ยว 10.ไทเป(ไต้หวัน) 4,5586 เที่ยว

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน#gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen