

- ททท.จัดกระหึ่ม“สงกรานต์ภาคเหนือ”ปั๊มรายได้7จังหวัดเชียงใหม่เชียงรายสุโขทัยลำปางลำพูนแพร่แม่ฮ่องสอนหนุนเที่ยวเหนือได้ทั้งปีช่วงเม.ย.-มิ.ย.66
- เดินหน้าขาย 3 เทรนด์ “RoadTrip ขับรถเที่ยวในภาค/ข้ามภาค” เปิดเกมใหญ่ “คู่ซื้อ/คู่เหมือน/คู่ร่วม”
- เชิญเที่ยวชวนแลกซื้อทัวร์ และ “โหมงานวิจิตร 5 ภาค” ตลอด พ.ค.นี้ ชู “เชียงราย” สุดยอดแสงสีเสียงล้านนา
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าเตรียมความพร้อมพื้นที่ท่องเที่ยวภาคเหนือต้อนรับฤดูร้อนและเทศกาลสงกรานต์ปีแรกหลังโควิด-19 โดยได้ฟื้นงานประเพณีแบบดั้งเดิมจัดสงกรานต์ปี 2566 ตามธีมคอนเซ็ปต์ย้อนเสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ โดยมีไฮไลต์ใน 7 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย ลำปาง ลำพูน แพร่ แม่ฮ่องสอน
พื้นที่แรก “เชียงใหม่” ฟื้นฟูประเพณีโบราณสรงน้ำทิพย์ขณะนี้ได้นำน้ำมาจากสถานที่ศักดิสิทธิ์ 9 แห่ง ประกอบพิธีหุงพร้อมกับสวดบริกรรมวันที่ 10 เมษายน 2566 ที่พระธาตุดอยสุเทพ แล้วจากนั้นจะนำน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแจกจ่ายให้นักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้าร่วมสงกรานต์เพื่อนำไปผสมน้ำสรงน้ำพระทั่วเมืองเชียงใหม่เพื่อความเป็นสิริมงคล

พร้อมกับโปรโมตเที่ยวเทศกาล “ประเพณีปี๋ใหม่เมือง” วันที่ 12-16 เมษายนต่อด้วย “สืบสานฮีตทอยย้อนรอยปีใหม่” ที่วัดโลกโมฬี วัดโบราณสวยงาม วันที่ 13 เมษายนชวนนักท่องเที่ยวร่วมขบวนแห่สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ พร้อมกับท่องเที่ยวงานยอสวยไหว้สาพญาเม็งรายปฐมกษัตริย์แห่งเชียงใหม่ จัดประเพณีแห่ไม้ค้ำสะหรี (ไม้ค้ำโพธิ์) และอีกหลากหลายงาน ซึ่งทางจังหวัดและเทศบาลเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกอย่างเต็มที่ ส่วนเอกชนร่วมจัดสงกรานต์ด้วย เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ ศูนย์การค้าเมญ่าจัด Splash Party หรือวอเตอร์วอร์ม
พื้นที่ 2 ลำปาง เริ่มวันที่ 12 เมษายนนี้จะทำพิธี “แห่สลุงหลวง หรือขันน้ำทำจากเงินแล้วใส่ขมิ้นส้มป่อยแบบโบราณเพื่อจะใช้สรงน้ำพระ
พื้นที่ 3 ลำพูน จัดสงกรานต์ป่าซาง ปีนี้ได้รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มีเรื่องราวสงกรานต์อันความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่น ๆ
พื้นที่ 4 เชียงราย จัดสงกรานต์เด่น ๆ มี 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอเชียงของ และอำเภอแม่สายททท.สนับสนุนอย่างเต็มที่ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาร่วมสนุกด้วย
พื้นที่ 5 จังหวัดแพร่ จะจัด “สงกรานต์วันไหล” ปิดท้ายในวันที่ 17 เมษายน พร้อมกับจัดสงกรานต์ม่อฮ่อม บริเวณถนนเจริญเมือง รณรงค์ให้สวมเสื้อม่อฮ่อมมาเล่นน้ำกันเต็มพื้นที่

พื้นที่ 6 จังหวัดสุโขทัย นำเสนอสงกรานต์เมืองเก่า “แห่ช้างบวชนาคไทยพรวนบ้านหาดเสี้ยว” เริ่มทำมาตั้งแต่ 7 เมษายน จากนั้นจะจัดในพื้นที่มรดกโลกทั้งที่ “อำเภอศรีสัชนาลัย” มีสรงน้ำโอยทาน และเทศกาลอาหารสวรรคโลกและเทศกาลเสื้อลายดอกถนนข้าวตอก ระหว่าง 12-15 เมษายนนี้
พื้นที่ 7 จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดในอำเภอปาย ปีนี้ได้รื้อฟื้นขบวนพิธีแห่พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 13 เมษายน จากนั้นจะจัดคล้าย “สงกรานต์วันไหลปาย” ซึ่งเป็นบริเวณเล่นน้ำปายเชิงสะพานแม่ฮี้ มีกิจกรรมล่องห่วงยางจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่แห่งนี้ด้วย
ผอ.ภัทรอนงค์กล่าวว่า หลังสงกรานต์ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังปีงบประมาณ2566 ระหว่างปลายเมษายน–มิถุนายน ของแต่ละปีจะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) ดังนั้นปีนี้จะพลิกจุดขายเน้นส่งเสริม ด้วย 3 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการแรก “ท่องเที่ยวหน้าฝนด้วยแคมเปญ Road Trip” ขับรถเที่ยวเหนือเที่ยวเหนือทั้งตอนบนเชียงใหม่–ลำพูน–ลำปาง เชียงราย–แพร่–น่าน และภาคเหนือตอนล่าง อุทัยธานี–นครสวรรค์–พิจิตร จัดทำ 3 เส้นทางหลัก 1.Romantic Route 2.ย้อนวันวานเมืองเหนือ 3. เจาะ 3 กลุ่ม วัยรุ่น วัยทำงาน สูงวัย เพื่อเพิ่มการท่องเที่ยว “กรีนซีซัน” ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวภาคเหนือได้ตลอดทั้งปี All Year Round

ขณะนี้ภาคเหนือมี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เข้าพื้นที่แล้ว เมื่อต้นเดือนเมษายนนี้มีคาราวานนักท่องเที่ยวจากคุนหมิงสาธาณรัฐประชาชนจีน มาร่วมสนุกเทศกาลสงกรานต์รวมกว่า 1,000 คน แล้วก็จะเร่งเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ทำให้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยตามเป้าเกินกว่า 70 % ส่วน “ตารางบินฤดูร้อน” เริ่มตั้งแต่ปลายมีนาคม–ตุลาคม 2566 โดดเด่นคือ “เชียงใหม่” มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลผ่านเข้ามาทางสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เดือนละกว่า 300,000 คน และเทศกาลสงกรานต์อาจจะเพิ่มเป็น 350,000 คน และอาจจะมีนักท่องเที่ยวผ่านเข้ามาทางด่าน เช่น ห้วยก๋วน และด่านรอยต่อของภาคเหนือด้วย
โครงการที่ 2 “วิจิตร 5 ภาค” ททท.วางแผนกระจายจัดทั้งโดยใช้นวัตกรรมแสง สี สวยงามตระการตา 5 ภาค ตลอดเดือนพฤษภาคม 2566 จุดแรก “กรุงเทพฯ” นำร่องจัดต้นเดือนพฤษภาคม จุดที่ 2 ภาคตะวันออก “วิจิตรบูรพาจ.ระยอง” 6-14 พ.ค.จะนำเสนอการเดินท่องเที่ยวในสวนพฤกษศาสตร์ จุดที่ 3 ภาคอีสาน จ.นครพนม จุดที่ 4 ภาคใต้จ.นครศรีธรรมราช จัดพร้อมกัน 13-21 พ.ค.นี้
จุดที่ 5 ภาคเหนือ จ.เชียงราย 28 พ.ค.จะใช้ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรม หอนาฬิกา โบสต์คริสต์จักร วัดในตัวเมือง และอื่น ๆ ซึ่งอยู่ในเส้นทางทั้งหมด มองภาพใหญ่เป็น“แสงแห่งเมืองเจียงราย” โดยใช้ธีม Way of Life ตกแต่งแสงสีเสียง ให้นักท่องเที่ยวเดินตามวอล์คเวย์ จะใช้พานหะท้องถิ่นมาตกแต่งประดับไฟ นำเที่ยวพร้อมเล่าเรื่องราวเพิ่มความสนุกสนาน
รวมถึง ททท.จะเพิ่มจุดขายวิจิตรแต่ละเรื่องให้ครอบคลุ้มทั้ง สร้างการรับรู้ ขานรับกระแสการท่องเที่ยวซอฟท์ เพาเวอร์เช่น เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือแต่งไทยไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เช่นเดียวกับปัจจุบันกระแสนักท่องเที่ยวจีนแต่งไทยไปเดินตามแหล่งท่องเที่ยววัดวาอารามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น
โครงการที่ 3 “มหกรรมเที่ยวข้ามภาค” คอนเซ็ปต์นำหมู่บ้าน 5 ภาค ด้วยการรวบรวมโรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว บริษัทจัดการแสดง ต่าง ๆ ร่วมกันนำเสนอไฮไลต์แต่ละภาคเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกช้อปปิ้ง ขณะนี้ทางททท.สำนักงาน ภาคกลาง กำหนดเปิด“กรุงเทพฯ” จัดงานนี้ช่วงเดียวกับงาน TTM :Thailand Travel Mart 2023 ปีนี้เชิญตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกเข้ามาจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ขายกคนไทย ระหว่าง 31 พฤษภาคม-3 มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางกรุงเทพฯ จะจัดมหกรรมเที่ยวข้ามต่อเนื่องในวันที่ 2-4 มิถุนายน จัดที่เดียวกันกับTTM 2023
ขณะเดียวกัน ททท.ยังเพิ่มกิจกรรมจัด “เที่ยวระหว่างภาค” ได้แก่ “ภาคเหนือกับภาคอีสาน” นำผู้ประกอบการ “ล้านนา” พบ “ล้านช้าง” เดินทางไปเจรจาธุรกิจแบบ B2B กัน ระหว่าง 9-11 มิถุนายน นี้ ที่ขอนแก่น สกลนคร อุดรธานี ทาง “ภาคเหนือ” วางแผนจับคู่ขายท่องเที่ยวข้ามภาคกับอีกหลายจังหวัดประกอบด้วย

คู่ที่ 1 เชียงใหม่–กระบี่ ซึ่งมีเที่ยวบินข้ามภาค ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะคนเหนือก็อยากเที่ยวใต้ และคนใต้อยากมาชมวัฒนธรรมทางเหนือ คู่ที่ 2 อยุธยา–สุโขทัย จับคู่เมืองมรดกโลก เพื่อนำไปขายตลาดโลก คู่ที่ 3 “ตราด–น่าน” เมืองคู่แฝดโลว์คาร์บอน โดยรวมแล้วจะทำหลายรูปแบบทั้ง “คู่ร่วม” ร่วมกันขายการท่องเที่ยว “คู่ซื้อ” แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวกันในแต่ละภาค และ“คู่เหมือน” คัดเลือกจังหวัดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ตามนโยบายปี 2566 ททท.เน้นขายการท่องเที่ยวเพิ่มคุณค่า Meaningful travel เพิ่มความแตกต่างด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยใช้หัวใจสร้างสรรค์สินค้า นำเสนอด้วยการเชื่อมโยงรูปแบบต่าง ๆ กระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ “ภาคเหนือ” สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะจุดขายใหม่ “เที่ยวเหนือหน้าฝน” ซึ่งมีความเขียวขจีมีสายหมอกขาวสวยงาม หรือเส้นทางศิลปะหัตถกรรม Art & Craft ได้ตั้งแต่ปลายพฤษภาคม–กันยายน ของทุกปีเช่นกัน
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen