ททท.ผ่าแผนใหม่ปี’66 ปั๊มจีนเที่ยวไทยเข้าเป้า 4.2 ล้านคน ดึงแอร์ไลน์-เอเย่นต์รุก 3 ตลาด “เบเชอร์-ไมซ์-สมาชิกอีลิต”



  • ททท.ปรับแผนใหม่ตลาด “จีนเที่ยวไทย” ปี’66 หลัง “สี เจิ้น ผิง” ผู้นำจีนแถลงแผนอนาคต 4 ปีหน้า
  • ติดอาวุธท่องเที่ยว 5 สำนักงาน ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู เซียะเหมิน
  • ผนึกแอร์ไลน์ส เอเย่นต์ท่องเที่ยวเจาะ 3 ตลาดคุณภาพ “Bleisure+ไมซ์+สมาชิกบัตรอีลิตการ์ด”
  • งัดใช้ 2 กลยุทธ์ “กู้ตลาดกลับคืน-ผนึกความร่วมมือใกล้ชิดพันธมิตรแอร์ไลน์ บริษัททัวร์” เพิ่มนักท่องเที่ยวทุกช่องทาง

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังประธานาธิบดี “สี เจิ้นผิง ประธานาธิบดี” ผู้นำสูงสุดของจีน ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครบรอบ 100 ปีแถลงแผนอนาคตประเทศ 4 ปีข้างหน้า โดยยังคงมาตรการไว้เรื่องโควิดเป็นศูนย์ Zero Covid ในสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับเน้นเรื่องความมั่นคงทางการทหารเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี การให้ความรู้แก่เยาวชน ส่วนเรื่อง “เศรษฐกิจ” ซึ่งรวมการท่องเที่ยวอยู่ด้วยนั้นจะอยู่ในลำดับท้าย ๆ  ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจของจีนอยู่ในภาวะถดถอยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีเติบโตค่อนข้างต่ำ แต่ไทยต้องเคารพการตัดสินใจของผู้นำจีนตามเงื่อนไขที่แถลงสู่สาธารณะทั่วโลกดังกล่าว ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์จีนท่องเที่ยวไทยปี 2566

ปี 2566 ททท.ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนคาดการณ์ประมาณ 4.2 ล้านคน ส่วน เป้าหมาย “รายได้” ตอนนี้การใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนแปลงชัดเจน 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 วันพักเฉลี่ยแต่ละทริปเพิ่มเพราะอยู่ไทยนานวันขึ้นปัจจุบันมีมากกว่าเดิม 8 วัน/คน/ทริป ส่วนที่ 2 ขนาดกรุ๊ปเดินทางเล็กลง ททท.พูดคุยกับบริษัททัวร์รายใหญ่ของจีนระบุตอนนี้มีเฉลี่ย 10 คน/กรุ๊ป ต่างจากอดีตกรุ๊ปละหลัก 40 คนขึ้นไป

ดังนั้น ททท.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ดูแลสำนักงานกระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 เมืองหลัก ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง มีนโยบายให้แต่ละสำนักงานปรับกลยุทธ์ปี 2566 ตามคาดการณ์ปัจจุบันไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 จีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทุกกลุ่มทุกวัยสามารถเดินทาง กรณีที่ 2 จีนยังไม่เปิดประเทศ

ตอนนี้ไทยต้องปรับกยุทธ์ภายใต้ “จีนยังไม่เปิดประเทศเต็มรูปแบบ” และยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ 2 แต่ผ่อนคลายเป็นระยะ ๆ ส่งผลให้มีจีนมาไทยกว่า 9 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-กันยายน ถึงสัปดาห์แรกเดือนตุลาคม2565 รวมกว่า 210,000 คน สะท้อนถึงแม้จีนยังไม่ได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบ ไทยยังมีนักเดินทางเข้ามาไม่น้อยทีเดียว ต่อไปหากผ่อนคลายมากขึ้นก็จะทำตลาดได้ดีขึ้นตามลำดับ

ดังนั้นไทยเริ่มเห็นแสงสว่างบ้างแล้ว เพราะรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยไม่ได้ให้ปิดกั้นการเดินทางเพราะยังคงอนุญาตให้ “นักลงทุนจีน” เดินทางเข้าออกได้ด้วยการผ่อนคลายแบบเงียบ ๆ  

ช่วงกรกฎาคม 2565 จีนผ่อนคลายแบบเงียบ ๆ ไทยจึงมีโอกาสรับนักเดินทางจีน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 นักลงทุนธุรกิจ ประชุมสัมมนา กลุ่มที่ 2 นักเรียน เดินทางมาอยู่เมืองไทยพร้อมครอบครัวครั้งละนานพอสมควร กลุ่มที่ 3 รักษาพยาบาล ทำทรีตเมนต์ รักษาโรคต่าง ๆ กลุ่มที่ 4 กลุ่มสมาชิกผู้ถือบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด TPC :Thailand Privillage Card หรืออีลิตการ์ดคนจีนจำนวนมากนิยมสมัครเป็นสมาชิก เพื่อเดินทางมาทำธุรกิจ กลุ่มที่ 5 กลุ่มพำนักระยะยาว (longstay) บางส่วนต้องการมาอยู่เมืองไทย 6 เดือน – 1 ปี หรือบางส่วนต้องการย้ายถิ่นฐานมาไทย

จากนั้นในเดือนสิงหาคม 2565 จีนเริ่มผ่อนคลายเรื่อง “การบิน” ตอนนี้สายการบินของไทยและจีน บินได้ประเทศละ 15 เที่ยว/สัปาดห์ รวมเป็น 30 เที่ยว/สัปดาห์ จากเดิมอนุญาตเพียง  3 เที่ยว/สัปดาห์ รวม 6 เที่ยว/สัปดาห์  แล้วก็“ลดจำนวนการตรวจหาเชื้อโควิด-19” ด้วยวิธี RT-PCRเมื่อจีนเดินทางกลับเข้าประเทศลดการตรวจดผลโควิดจาก 5 ครั้งเหลือแค่การตรวจเพียง 2 ครั้ง คือตรวจล่วงหน้า 24 กับ 48 ชั่วโมง

ล่าสุดต้นเดือนตุลาคม 2565 รัฐบาลจีนประกาศให้ “บริษัทนำเที่ยว” สามารถทำธุรกิจนำนักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางต่างประเทศได้แล้ว นำร่องใน 2 เมืองหลัก ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กับ ฉงชิ่ง ตามวัตถุประสงค์หลักต้องการให้นักลงทุน นักธุรกิจ จากสองเมืองนี้สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น ส่วน “การท่องเที่ยว” จะตามมาเร็ว ๆ นี้

ผอ.ชูวิทย์ กล่าวว่า รัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ถือเป็น “สัญญาณดีติดบวกต่อเนื่อง” มาเรื่อย ๆ เห็นได้จากกลุ่มเป้าหมายหลักที่เดินทางจากจีนเข้ามาไทย เช่นบริษัทขนาดใหญ่ผู้นำด้านไอทีอย่างหัวเหว่ย เมื่อเดือนกันยายนปีนี้มีกลุ่มประชมมาจากมณฑลกวางตุ้งมาไทย500 คน เดือนพฤศจิกายน 2565จะมีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเสินเจิ้นมาไทย จะเห็นว่ารัฐบาลจีนพยายามผ่อนคลายเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ททท.ตั้งเป้าทำงานโดยจะไม่นำอุปสรรคมาเป็นตัวตั้งแต่จะใช้ “โอกาส” ที่มีอยู่แสวงหาตลาดโดยเฉพาะแผนใหม่รุกเจาะตลาดคุณภาพ 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 Bleisure -Business+Leisure นักธุรกิจจีนที่เดินทางเข้ามาประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ท่องเที่ยวต่อในไทย เนื่องจากตั๋วเครื่องบินราคาค่อนข้างสูง เมื่อมาถึงไทยแล้วจึงต้องการพักอยู่นานประมาณ 30 วัน/คน/ทริป จากเดิม 8 วัน/คน/ทริป

กลุ่มที่ 2 กลุ่มไมซ์ Incentive นักเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ทุกปีจีนมีธรรมเนียมส่งพนักงานออกทัศนศึกษาต่างประเทศ ไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรก ๆ ของบริษัทขนาดใหญ่ในจีน อดีตก็มีหลายบริษัท เช่น แอมเวย์ เพอร์เฟค ไชน่าโมบาย และอินฟินิตัสมีมากถึงปีละกว่าแสนคน ทั้งหมดพร้อมเดินทางอยู่ตลอดตอนนี้มีบางส่วนทยอยมาไทยแล้ว แต่ขนาดะมี 80/120/200/400 คน/กรุ๊ป/ทริป

ผอ.ชูวิทย์ ย้ำว่าให้โจทย์ใหญ่ ททท.ในจีนทั้ง 5 สำนักงาน ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น 2 กลยุทธ์ คือกลยุทธ์ที่ 1 กู้ตลาดเดิมกลับมาให้ได้ ด้วยการนำนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดิมที่สามารถเดินทางเข้ามาไทยก่อน เช่น นักธุรกิจ กลุ่มไมซ์/อินเซนทีฟ กลุ่มรักษาสุขภาพ ตามด้วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มครอบครัว ซึ่ง ททท.ทุกสำนักงานจะต้องรักษาซัพพลายเออร์ไว้ให้ได้คือ “สายการบิน” เพราะหากไม่มีเที่ยวบินก็ยากจะทำจำนวนหรือรายได้ให้เข้าเป้าหมายตอนนี้ทำต่อเนื่องเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ให้ไทยเป็นหนึ่งในดวงใจ Top of Mind เมื่อเปิดประเทศจีนจะเลือกไทยเป็นอันดับหนึ่งของจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว

กลยุทธ์ที่ 2 ทำงานใกล้ชิดกับทุกสายการบิน บริษัทตัวแทนนำเที่ยว ล่าสุดได้ประชุมกับสายการบิน “สปริงแอร์” จะจัดแฟมทริปเข้าภูเก็ต พังงา กระบี่ ระหว่าง 15-21 พฤศจิกายน 2565 เป็นกลยุทธ์เปิดจุดขายท่องเที่ยวไทยในจีนใหม่ 3 เส้นทาง และพยายามผลักดันเปิดบินจากจีนเข้าภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่ผ่านมาสายการบินเกือบทั้งหมดของจีนและไทยจะบินเข้ากรุงเทพฯ เท่านั้น นับจากไปจะขยายเส้นทางบินไปยังภูเก็ต เชียงใหม่ มากขึ้น

ปัจจุบันสถานการณ์ตลาดการขายท่องเที่ยวในจีน ทางบริษัทนำเที่ยวยังไม่สามารถขายล่วงหน้าด้วยรูปแบบแพกเกจได้ 5-10 วันได้ เนื่องจากยังขัดกับนโยบายรัฐบาลจีน ต้องใช้วิธีแยกขายแต่ละส่วน คือ ขายตั๋วเครื่องบิน ขายห้องพักโรงแรม ขายออปชั่นทัวร์ ททท.ได้ทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรทุกกลุ่มเพื่อฟื้นกู้ตลาดกลับคืนเข้าไทยให้ได้เร็วที่สุดนั่นเอง

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen