ททท.ดันท่องเที่ยวเชียงใหม่ Q1 ปี 66 คึกคักโกยเงินไทย-จีน 6 แอร์ไลน์บินตรุษจีน 18 ม.ค.-โรงแรมเปิดครบ 3.8 หมื่นห้อง



  • ททท.นำท่องเที่ยวเชียงใหม่ฟื้นเร็วเกินคาด ลุยรับตลาดจีนและไทยโกยรายได้หน้าหนาว เปิด New Chapteer 5 เส้นทางใหม่
  • ปลุก “ต่างชาติ” กลับมาใช้เงินคนละกว่า 12,700 บาท/คน/ทริป เอกชนตบเท้ารับ “ทัวร์จีน”
  • จัดทัพเสริม 5 มาตรการ “6 แอร์ไลน์ส” บินตรงเข้าเชียงใหม่เริ่ม 18 ม.ค.เที่ยว“ตรุษจีน” กว่า 7,000 คน
  • โรงแรม 38,000 ห้อง เปิดเกือบ 100% เร่งเพิ่มแรงงานทักษะ 3 อาชีพ “แม่บ้าน-พนักงานสปา- ไกด์จีน”

นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปี2566 เชียงใหม่เป็นจังหวัดยอดนิยมช่วงฤดูหนาวมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมาก โดยมีให้เลือกถึง 5 เส้นทาง ได้แก่ เส้นที่ 1 สายดอกไม้ ฟาร์มต่าง ๆ ผนวก เส้นทางที่ 2 ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วัดต่างๆเส้นทางสายศรัทธาและมูเตลู เช่น วัดป่าแดด ไหว้พระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ เพื่อความสำเร็จและร่ำรวย ปีนี้กำลังโปรโมตเพิ่มจุดขายใหม่

เส้นทางที่ 3 ท่องเที่ยวชุมชนเลือก “ออนใต้” ไปทางน้ำพุร้อนสันกำแพง เส้นทางที่ 4 ดูดาวฟ้ามืดชุมชนออนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับการประกาศเป็นเขตท้องฟ้ามืด โดยทำร่วมกับสถาบันดาราศาสตร์สิรินธร ทำกิจกรรมต่อเนื่องปรากฎการณ์ดูดาวให้ประชาชนสามารถเข้าไปชมได้ด้วยกล้องดูดาวขนาดใหญ่ เช่น ดาวเสาร์เห็นวงแหวนรอบ ๆได้เลย

เส้นทางที่ 5 สปาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ร่วมกับสมาคมสปาเชียงใหม่ ชูจุดขาย “สปาเสริมราศรี” เรียกว่า Zodiac Spa เลือกตามราศรีผสมเข้ากลิ่นอโรมาอย่างลงตัว

โดยเฉพาะสินค้ารองรับ “ตลาดต่างประเทศ” นำเสนอ Café Hopping เน้นรองรับกลุ่มทำงานได้เที่ยวด้วย ซึ่งมี Co-Working Space และเฮลท์ เวลเนส ชาวต่างชาติก็นิยมมาทำกิจกรรม สมาธิ (meditation) สนทนาธรรม (Monk Chat) จะมีคอร์สให้บริการ เช่น วัดสวนดอก วัดอุโมงค์

ส่วนการ “ใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยว” หลังสถานการณ์โควิด เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตนเอง F.I.T. นิยมจองโรงแรมห้องพักผ่านแพลตฟอร์ม จะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง แต่ยังใช้จ่ายเงินช้อปปิ้ง รับประทานอาหารตามปกติ สถิติปี 2565 โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้เงิน “คนไทย” ประมาณ 4,000 บาท/คน/ทริป “ต่างชาติ” จะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ เช่น ตลาดแถบเอเชีย พัก 2-3 วัน/คน/ทริป ใช้จ่าย 12,775 บาท/คน/ทริป

ผอ.สุลัดดา กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่วางแผนต้อนรับนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างดี เพราะในสถานการณ์ปกติปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเชียงใหม่กว่า 3 ล้านคน เป็นจีน 40 % หรือประมาณ1.2 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 31,000 ล้านบาท

ปี 2566 เมื่อรัฐบาลจีนประกาศเปิดให้คนเดินทางเที่ยวต่างประเทศได้ทางเชียงใหม่เตรียมต้อนรับโดยใช้ 5 มาตรการ ประกอบด้วย

มาตรการที่ 1 ฉีดวัคซีนฟรีให้บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 23-29 มกราคม ที่อาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติฉีดได้วันละ 3,000 โด๊ส รวม 7 วัน 21,000 โด๊ส

มาตรการที่ 2 เปิดเมืองเชียงใหม่ walk in ให้คนเดินทางไปฉีดตามโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลแม่และเด็ก โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่

มาตรการที่ 3 เฝ้าระวังโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ของต่างชาติที่เข้ารับรักษาพยาบาลในเชียงใหม่ และสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ต้องป้องกันควบคู่ไปด้วย

มาตรการที่ 4 ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ โดยใช้คู่มือปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

มาตรการที่ 5 เร่งรัดสื่อสารให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย 608 ต้องป้องกันดูแลอย่างต่อเนื่อง

สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ตามประกาศก่อนกลับเข้าประเทศจะต้องตรวจแสดงผลตรวจ RT-PCR จึงต้องทำประกันสุขภาพครอบคลุมค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้ด้วย

ส่วน “ช่องทางการเข้าเชียงใหม่” ของนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นทางอากาศโดยเครื่องบิน ไป-กลับ ไม่ต่ำกว่า 6 สายการบิน ขณะนี้ได้ขอสิทธิการบินเรียบร้พอยพร้อมแล้ว 2 สายการบิน เริ่มด้วย 1.“สายการบินจุนเหยา” เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่วันละ 1 เที่ยว จะเริ่มวันที่ 18 มกราคม 2566 ต่อด้วย 2.“สปริงแอร์” กวางโจว-เชียงใหม่ เที่ยว 3 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่มวันที่ 20 มกราคม 2566 เป็นต้นไป อยู่ระหว่างกำลังขออนุญาตจากกรมการบินพลเรือนแห่งชาติจีนและของไทยเพิ่มอีก 4 สายการบิน ได้แก่ 1.แอร์ไชน่า ปักกิ่ง-เชียงใหม่ 2.เสฉวนแอร์ไลน์ส เฉินตู-เชียงใหม่ 3.ไชน่าอีสเทิร์น เส้นทางเซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ 4.สปริงแอร์ เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่

โดยภาพรวมก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเคยมีเที่ยวบินตรงเข้าเชียงใหม่จากสายการบินต่าง ๆ รวม 15 เส้นทาง ตอนนี้ก็เริ่มทยอยกลับมาแล้ว และช่วง “เทศกาลตรุษจีน”ปลายเดือนมกราคม 2566 เมื่อทุกสายการบินได้รับอนุญาตจะมีจำนวนรวม 42 เที่ยว เที่ยวบินละ 180 ที่นั่ง ประเมินแล้วจะได้ถึงกว่า 7000 คน

“นักท่องเที่ยวจีน” นิยมเดินทางในเชียงใหม่ไฮไลต์หลักไม่ต่ำกว่า 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรม เชิงวัดพระธาตุดอยสุเทพ ประตูท่าแพ/รอบคูเมือง – เขตเมืองเก่า 2.และชอบใช้ปิ้งย่านเก๋ ๆ อย่าง One Nimman /Shopping mall Chiang Mai เช่น เซ็นทรัลเชียงใหม่ ห้างเมญ่า (MAYA) และอื่น ๆ 3.เส้นทางชมศิลปะหัตถกรรมหรือ Arts&Craft ตลาดจริงใจ มาร์เก็ต 3.นิยมทำสปา 4.เที่ยวปางช้าง เป็นไฮไลท์ที่คนจีนให้ความนิยมมาก ๆ เห็นได้จากในภาพยนต์หลาย ๆ เรื่องของจีนที่เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทย เช่น Lost in Thailand 5.เส้นทางท่องเที่ยวสวนสัตว์ ไนซ์ซาฟารี 6.ชื่นชอบซื้อแพกเกจทำเวลเนสปา มากเป็นอันดับต้น ๆ จึงน่าจะใช้จ่ายเงินเหมือนอดีตประมาณ 12,000 บาท/คน/ทริป

ส่วนตลาดจีนโดยภาพรวมจะกลับมาเที่ยวเชียงใหม่ตามปกติได้ก็จะต้องดูนโยบายรัฐบาลจีนควบคู่กับไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติมซึ่งอาจจะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัย

ผอ.สุลัดดากล่าวว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวโรงแรมรีสอร์ตเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องห้องพักทั่วเชียงใหม่มีกว่า 38,000 ห้อง ตอนนี้เปิดให้บริการประมาณ 70-80 % แหล่งท่องเที่ยวก็เปิดรับคนไทยและต่างชาติปกติแล้วส่วน “แรงงานทักษะฝีมือ” ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการซึ่งยังพอมีเวลาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันการณ์เมื่อมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเป็นจำนวนมากใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ

กลุ่มที่ 1 โรงแรมขาดแคลน “แม่บ้าน” ซึ่งกลับเข้าสู่อาชีพเพียง 50 % และต้องใช้วิธีทำงานควบคู่กับการฝึกฝนอบรม(on the job training)

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจสปา ต้องใช้วิธี 1.เพิ่มค่าจ้างแรงงาน 2.ยืมตัวระหว่างสปา 3.เปิดรับสมัครเพิ่มขึ้นให้สอดคล้อง

กลุ่มที่ 3 มัคคุเทศก์ พูดภาษาจีนได้มีอยู่ประมาณ 1,000 คน ตอนนี้ประสบปัญหาการต่อใบอนุญาต ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กำลังเปิดคอร์สอบรมมัคคุเทศก์ที่จะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen