ททท.ดันทัพท่องเที่ยว 4 MOVE 4 โปรเจกต์ ปั๊ม 3 ล้านล้าน ขอรัฐบาลใหม่หนุนสิทธิพิเศษ ดึงเทศกาลโลก-ฮับขนส่ง



ผู้ว่าฯ ททท.นำทัพเที่ยวไทย 4 MOVE 4 โครงการ ขอรัฐบาลใหม่หนุน 4 เรื่อง ทำรายได้ปี’67 เข้าเป้า 3 ล้านล้านบาท

  • คัดเอกชนไทยลุยเทรดโชว์ทั่วโลกเน้น 3 เรื่อง “โฆษณาภาพลักษณ์-เปิดTAT STAR-เที่ยวยั่งยืน
  • ขอพลังหนุน “สิทธิพิเศษดึงเทศกาลโลกมาไทย-ฮับการขนส่งเอเชีย-ดันจุดขายนวัตนธรรม”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังรับตำแหน่งผู้นำองค์กรมาแล้ว 1 สัปดาห์ ตั้งแต่ 1-7 กันยายน 2566 ได้เดินหน้าความพร้อม 4 โครงการหลัก เริ่มต้นจาก โครงการ 1 สานต่อยุทธศาสตร์ที่ดีของ ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร อดีตผู้ว่าการได้ดูแล ททท.เป็นอย่างดีมา 8 ปี ด้วยการวางฐานสูตรการขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ MOVE : Marketing & More/Operation/Vacation/ Effectiveness ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 M คือ Marketing and More เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการทางด้านการทำตลาด เพิ่มภารกิจใหม่ ๆ เข้าไปให้เร็วที่สุด ส่วนที่ 2 O คือOperation Excellence การเป็นองค์กรที่ดีเลิศ ซึ่งจะต้องบริหารความสัมพันธ์กับทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ทั้งภายในและภายนอก พร้อมกับปรับทัศนคติกรอบแนวคิดไปสู่ผู้นำอุตสาหกรรมความเป็นเลิศทางการตลาดด้วย

ส่วนที่ 3 V คือ Vacation ททท.จะสานสัมพันธ์กับพันธมิตรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบ 360 องศา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในและต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งอนาคตต่อไป “บริษัทตัวแทนนำเที่ยว /Tour Operator” อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการท่องเที่ยวอีกต่อไป ขณะนี้ ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่ง ต้องหันไปจับมือกับหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนที่ 4 E คือ Effectiveness หรือประสิทธิภาพการทำงาน ททท.เตรียมตั้งทีมรับมือวิกฤตเป็นทีมม้าเร็ว เนื่องจากมีปัจจัยของโลกเกิดขึ้นนอกเหนือความคาดคิด อย่างเรื่อง วิกฤตออนไลน์ โลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีองคาพยพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้ามาช่วยกันทำงาน

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่าจะเลือกใช้บริบทของ MOVE ตามจังหวะและเหตุการณ์ต่าง ๆ มุ่งสู่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ประเด็นที่ 1 ขณะนี้กระแส Generative Tourism มุ่งสู่การฟื้นสร้างท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ประเด็นที่ 2 สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ รับมือดิจิทัลที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่จะต้องเป็นหนึ่งในยาวิเศษทำให้ท่องเที่ยวเติบโตได้ประเด็นที่ 3 การนำเสนอ Sub Culture สร้างจุดขายนำวัฒนธรรมย่อย ๆ ของชุมชนท้องถิ่นพุ่งเป้าเจาะไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ

ควบคู่กับเดินหน้า โครงการที่ 2 เร็วทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายใหม่ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินมุ่งให้ ททท.นำผู้ประกอบธุรกิจไทยเข้าไปร่วมงานระดับโลกและตลาดนานาชาติ ต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ททท.นำเอกชนไทยเข้าร่วมเทรดโชว์อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมานานได้แก่ งานเทรดโชว์ระดับโลก WTM :World Travel Mart ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร จัดเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นทั้งการขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ และกับนักท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคทั่วไป งาน ITB Berlin กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จัดทุกต้นเดือนมีนาคมของทุกปี และงานเทรดโชว์แถบเอเชีย ได้แก่ ITB ASIA ที่สิงคโปร์ งาน SATTE :South Asia Travel and Tourism Exchange ในอินเดีย

ตั้งแต่ปลายปี 2566 เป็นต้นไป ภายใต้การนำของนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.คนใหม่ จะทำโร้ดโชว์ เทรดโชว์ แต่ละงานจะนำเสนอไฮไลต์ 3 เรื่องหลัก ได้แก่

เรื่องที่ 1 จัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยรูปแบบ Themetic ผ่านสื่อทุกช่องทาง และใช้ Influencer นำเสนอแนวคิดโดยมุ่งปักธงทำอย่างจริงจัง

เรื่องที่ 2 นำเสนอ TAT STAR มาตรฐานผู้ประกอบการท่องเที่ยวยั่งยืน 3-4-5 ดาว โดยใช้คำว่า Meaningful Relationship หรือความสัมพันธ์อย่างมีคุณค่าและมีความหมาย นำเสนอภาพการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ศิลปะวัฒนธรรม มิตรไมตรี นำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าขีดเส้นใต้ความเป็น Meaningful Travel ส่งต่อไปยังMeaningful Relationship ให้กับตลาดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมายในสนใจวัฒนธรรมย่อยหรือ Sub-Culture ซึ่งกำลังมาแรง

เรื่องที่ 3 การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ คำนึงถึงการท่องเที่ยวต้องปกป้องดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ STGs กับ Meaningful Travel เข้าด้วยกัน เป็นการทำงานเชิงรุกเห็นผลประจักษ์อย่างแท้จริง

โครงการที่ 3 จับมือกับทีมไทยแลนด์ สถานฑูตไทย ในแต่ละประเทศ จัดทำโชว์เคสต์การท่องเที่ยว นำคอนเซ็ปต์ The Link Local to Global คัดเลือกพื้นที่ท่องเที่ยวในประเทศที่สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ

โครงการที่ 4 จะเข้าการประชุมสำคัญระดับนานาชาติ เป็นไฮไลต์ที่ ททท.จะทำเพิ่มในปี 2567 เช่น การประชุมสมัชชาการท่องเที่ยวโลก ที่อุเบกิซสถาน เดือนพฤศจิกายน 2566 ททท.จะเป็นส่วนหนึ่งจะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้มากขึ้นหรืองานประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน จะเน้นมิติการขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียนซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ของททท.ในปีต่อไป

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.พร้อมจะเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาบใหม่ โดยการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อเนื่องในทุกมิติ ตามที่คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำเสนอการตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2567 ให้ถึง 3 ล้านล้านบาท ซึ่ง ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 35 ล้านคน หรือโครงการผลักดันไทยเป็นประเทศศูนย์กลางเป็นฮับเอนเตอร์เทนเมนท์แห่งเอเชีย และเฟสติวัลของโลก โดยใช้ตัวจุดกระแสซอฟท์ เพาเวอร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระดับท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดคือ Festival & Thailand Experience เป็นอย่างดี

นางสาวฐาปนีย์ย้ำถึงเรื่องที่ ททท.จะขอรัฐบาลใหม่สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาพรวมทั้งหมด เพื่อเพิ่มรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมายปี 2567 ถึงเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาท ด้วย 4 เรื่อง ได้แก่

เรื่องที่ 1 ช่วยสนับสนุนพิจารณาเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษกับผู้นำงานกิจกรรมระดับโลกเข้ามาจัดในเมืองไทย

เรื่องที่ 2 นโยบายสร้างประสบการณ์นวัตกรรมทางวัฒนธรรม เอื้อต่อการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองไทย 365 วัน ล่าสุดได้นำร่องจัด “นวัตวัฒนธรรม” ใช้วัฒนธรรมเชิงสร้างสรรในมิติต่างๆ

เรื่องที่ 3 การเป็นศูนย์กลางการเดินทาง หรือ Transport Regional Hub โดยเฉพาะสนามบิน ททท.ร่วมมือมาตลอดในการเจรจาเชิญชวนการบินนานาชาติมาใช้ไทยเป็นจุดเชื่อมต่อเที่ยวบิน รวมถึงการพัฒนาระบบขั้นตอนตรวจเอกสารการเดินทางเข้าออกเมืองให้ง่ายสะดวก ลดอุปสรรคต่าง ๆ ลง เพื่อทำรายได้ท่องเที่ยวให้มากที่สุด

เรื่องที่ 4 การท่องเที่ยวด้านสุขภาพและท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ ททท.สามารถทำงานร่วมกับหลายกระทรวงโดยตรงและโดยอ้อม จึงน่าจะทำให้ไทยเป็นมหานครการท่องเที่ยวยั่งยืนและสุขภาพได้แน่นอน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen