

- ททท.บุกหนักปั๊มรายได้ “ตลาดระยะใกล้” เอเชียแปซิฟิกใต้รับโจทย์ใหญ่ปี’66 โกยเงินเข้าประเทศ 1.3 ล้านล้านบาท
- เร่งกระตุ้นการขายด้วย 3 โปรเจกต์ “คอนซูเมอร์แฟร์-เทรดโชว์-โรดโชว์” ควบเดินสายจัด Million Thanks
- รุกขยายตลาดพื้นที่รองใน มาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม เกาหลี คาดไตรมาส 2 จีนมาแน่ ลุยเปิด “Reborn Amatuer”
- เกาะเต่าขานรับ World Ocean Day จัดเมกะแฟมทริปนำเอเย่นต์ทั่วเอเชียสำรวจพังงา
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์แนวโน้มสิ้นปี 2565 จะสามารถทำได้ตรงตามเป้าหมายภาพรวมตลาดต่างประเทศจะได้จำนวน 10 ล้านคน สร้างรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท จากนั้นปีงบประมาณ 2566 ได้กำหนดกรณีฐาน Base Case ตลาดต่างประเทศจะต้องทำให้ได้ 18 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2 ล้านล้านบาท ทางตลาดอาเซียน เอเชีย รับโจทย์โดยมีความมั่นจะทำได้ด้วยการนำเข้านักท่องเที่ยวเป็นจำนวนคน 70 % และเป้ารายได้ 62 % ของเป้าหมายทั้งหมด 2.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท
ขณะนี้ได้ปัจจัยหนุนจาก “จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ” ตั้งแต่ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ภาพรวมทั้งอาเซียน และเอเชียแปซฟิกใต้ฟื้นกลับมาได้ประมาณ 60-70 % ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินระยะใกล้ เช่น เวียดนาม กลับมาบินแล้ว 89 % อินเดียกว่า 80 % ออสเตรเลีย เกิน 65 มาเลเซีย 62 % เป็นตัวสะท้อนถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักภายในเวลาอันใกล้นี้ ททท.เอเชียและแปซิฟิกใต้ เร่งบุกหนักกระตุ้นรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 โดยจะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายแบบโฟกัสเป้าหมายเด่น ๆ ควบคู่การทำแบรนดิ้งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพแห่งเอเชีย จึงจะต้องเร่งเดินหน้าทำ 3 โครงการ คือ

โครงการที่ 1 จัดงาน Consumer Fair ตลาดระยะใกล้ทั่วอาเซียน เอเชีย ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองยอดนิยมตามประเทศต่าง ๆ เชิญชวนผู้บริโภคมาเลือกซื้อแพกเกจท่องเที่ยวของไทย เพื่อเร่งเพิ่มจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยวให้กลับมาให้เร็วที่สุด ภายใต้แนวคิด Thailand Close to You โดยไม่ต้องให้มาไทยใช้การเดินทางนำสินค้าไปถึงตลาดเป้าหมายทันที ช่วงมกราคม-มีนาคม 2566 มีเพิ่ม 3 พื้นที่ กัวลาลัมเปอร์/มาเลเซีย มุมไบ/อินเดีย เลือกใช้พื้นที่ในศูนย์การค้า เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และอื่น ๆ
โดยยังคงมีความหวังจากตลาด “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ไตรมาส 2 ปี 2566 หลัง “สี เจิ้น ผิง” ประธานาธิบดีและภริยาเดินทางมาไทย แล้วรัฐบาลจีนก็อาจจะเริ่มผ่อนคลายให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมาเมืองไทยได้ ในงานเอเปค 2022 ไทยได้สร้างกระแสที่ดีมาตลอด

สำหรับ “มาเลเซีย” เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามแล้วตอนนี้ทะลุเป้าเกิน 1.5 ล้านคน มาเที่ยวเมืองไทยเฉลี่ยวันธรรมดา 6,000-7,000 คน เสาร์-อาทิตย์ ถึงวันละกว่า 10,000 คน วันที่ 30 ธันวาคม นี้ เตรียมจัดงาน Thank you ขอบคุณตลาดมาเลเซียอีกครั้งตามคาดการณ์ช่วง 3 เดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2565 มาเลเซียจะเที่ยวเมืองไทยแตะ1.8-1.9 ล้านคน โดยจะเน้นกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวรถบัส (bus Operator) รวมทั้งยังจะเดินทางกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดเมืองรอง รัฐยะโฮห์บารู และเมืองรอยต่อชายแดนไทย
“อินเดีย” ก็เช่นกันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยแล้วเกือบ 9 แสนคน จะจัดกิจกรรม Million Thanks เดือนกุมภาพันธ์2566 ซึ่งจะมีจำนวนเกิน 1 ล้านคน ส่วน ททท.นับรอบปีกับอินเดียเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 หลังจากบรรลุข้อตกลงด้านการบินระหว่างไทยกับอินเดีย ทำให้สายการบินได้รับการปลดล็อกเปิดเที่ยวบินประจำได้ พร้อมกับจะนำเอกชนทำคอนซูเมอร์ แฟร์ ท่องเที่ยว ขยายพื้นที่ไปในเมืองรองของอินเดีย ปี 2566 เช่น เมืองใจปู ลัดนาว กัลกัตต้า และเพิ่มเติมเมืองอื่น ๆ ด้วย
“เวียดนาม” มีแนวโน้มจะเที่ยวไทยครบ 500,000 คน ดังนั้นก็จะจัด Million Thanks ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ฉลองความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน แล้วก็จะไปทำคอนซูเมอร์ แฟร์ เมืองรอง ได้แก่ ฮานอย ดาลัด ดานัง เว้ แถบเวียดนามกลาง
“ออสเตรเลีย” จะลุยต่อไปยังเมลเบิร์น เพิร์ธ ตอนนี้ทางไทยแอร์ เอเชีย มีแผนจะเปิดเที่ยวบินตรง เป็นอีกพลังร่วมกันเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย

“เอเชียตะวันออก” จะเพิ่มเมืองในเกาหลี กรุงโซล เมืองปูซาน จังหวัดเจจู มีอีกหลากหลายเมืองต้องการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19
โครงการที่ 2 เข้าร่วมขายใน Trade Show ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ งานที่ 1 เปิดศักราชใหม่เดือนมกราคม2566 จะต้องนำเอกชนท่องเที่ยวไทยไปขายในงาน ATF -ASEAN TRAVEL FORUM 2023 ที่ยอร์ค จากาตาร์อินโดนีเซีย งานที่ 2 SATTE -South Asia Travel and Tourism Exchange 2023 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่อินเดีย
โครงการที่ 3 Road Show ททท.จะทำเพิ่มเติมนัดหมายจัดงานนำผู้ขายซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยไปจับคู่เจรจากับผู้ซื้อในแต่ละพื้นที่เป้าหมายทั่วอาเซียนและเอเชีย
นายธเนศวร์ กล่าวว่าหลังสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โครงสร้างการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเปลี่ยนไปมากททท.ต้องเน้นกลุ่มคุณภาพเจาะรายเซกเมนต์ตลาดที่ต้องเน้นทำเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้ง กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม หรือ Health and Wellness กลุ่มสตรี/Women กลุ่มคนรุ่นใหม่/Millenial กลุ่มครอบครัว/family and kids และกลุ่มท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ/RT -Responsible Tourism
นายธเนศวร์กล่าวว่า วางแผนจะประกาศทำโครงการ “Reborn Amateur” ประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เพื่อ “เปลี่ยนการรับรู้ของนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้” ในอาเซียน เอเชีย ให้กันมาช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกัน สร้างโมเดลต้นแบบ “การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ” ที่เกาะเต่า พร้อมกับโปรโมตเกาะเต่าเป็นพิเศษในฐานพื้นที่นำร่องจัดมหกรรม World Ocean Day โดยจะระดมพลเชิญชวนนักดำน้ำทั่วโลกให้กลับมา (Re Union) ร่วมด้วยช่วยกันทำกิจกรรม เก็บขยะใต้ทะเล ซ่อมปะการัง ซ่อมบ้านปลา ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจ อันจะเป็นสีสันทำให้ทั้งผู้ประกอบการ เจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว และผู้เกี่ยวข้องตื่นตัวเรื่องกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากตลาดระยะใกล้แถบอาเซียน เอเชีย ส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยจะสนุกกับการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ การกินอาหาร บันเทิง ปี 2566 ททท.จะเร่งเพิ่มโครงการณรงค์ให้หันมาทำกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับตลาดยุโรป และทวีปไกล ตระหนักเรื่องการท่องเที่ยวด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมมานานแล้ว

นายธเนศวร์ถึงแนวทางอื่นที่จะทำคู่ขนานไปด้วยคือ 1.อาเซียนและเอเชียเป็นประเทศที่มีระยะเวลาบินสั้นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบเรื่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศมากนัก 2.BCG จะได้นำเสนออย่างเข้มข้น ทำอย่างเต็มที่และประสบความสำเร็จด้วย 3.การวางแผนจัดงาน TTM -Thailand Travel Mart 2023 จะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะนี้เริ่มที่จะกำหนดเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการต้องมีส่วนร่วมลดคาร์บอนด้วย นำร่องเชิญชวนเลือก “การเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ” เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งทางศูนย์สิริกิติ์มีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงได้ง่าย 4.การจัดแฟมทริประดมนำคู่ค้าต่างประเทศเข้ามาสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวในไทยตลอดทั้งปีก็จะสอดแทรก BCG โลว์คาร์บอน และใช้สินค้าท่องเที่ยว
ส่วนเดือนมีนาคม 2566 จะจัด “เมกะ แฟมทริป” ครั้งใหญ่รอบ 2 ลงใต้ไปจัดที่จังหวัดพังงา ต่อเนื่องจากรอบแรก จัดหลังรัฐบาลไทยประกาศเปิดประเทศที่เชียงใหม่ โดยจะเชิญคู่ค้ากลุ่มบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 150 รายจากทั่วอาเซียน เอเชีย รวมทั้งมีเอเย่นต์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาร่วมเดินทางมาด้วย
เนื่องจาก “พังงา” เป็น Queen Destination มีสินค้าทางการท่องเที่ยวธรรมชาติสมบูรณ์แบบ จึงให้ ททท.พังงาเตรียมต้อนรับด้วยกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พายเรือล่องชมป่าชายเลนพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นเชิงนิเวศน์วิทยา เป็นการตอกย้ำถึงเชื่อมโยงให้เห็นถึงเส้นทางท่องเที่ยวเมืองไทยเข้าได้กับการท่องเที่ยวโลว์ คาร์บอน และท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างแข็งแกร่งต่อไป
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen