

- ททท.เปิดแผนปี’66 งัด 5 โปรเจกต์รับคลื่นทัวร์จีนเที่ยวไทย “ผนึกออนไลน์ดัง-ดึง KOL ศิลปินดาราจีน-แอร์ไลน์ส-การเดินทางใหม่-เปิดเมืองรองในไทยกับมณฑลรองของจีน”
- คาดเฟส 1 ตลาด F.I.T ไหลเข้าไทยกลุ่มแรก 8 ม.ค.66 เฟส 2 กรุ๊ปทัวร์มาแน่ปลาย มี.ค. 66 หลังขอ Slot บินได้ตามเป้า
- แนะธุรกิจไทยปรับใหญ่ 4 เรื่อง “ระบบการเงินแบบไร้เงินสด-พนักงานสื่อสารภาษาจีน-ทำการตลาดผ่านระบบจีนเท่านั้น-ปรับทัศนคติเชิงบวก
นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทันที่สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศจะมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ททท.จัดประชุมกับสำนักงานในจีน 5 สำนักงาน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโกว คุนหมิง เฉินตู เดินหน้าแผนส่งเสริมการตลาดให้ทันสถานการณ์เร่งเดินหน้ากระตุ้นเชิงรุกทันที ด้วยกลยุทธ์เปิดการขายท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างเป็นขั้นตอน ระยะแรก จะรุกเจาะกลุ่มตลาดเดินทางท่องเที่ยวอิสระโดยลำพัง (F.I.T.) ระยะต่อไปจึงจะเพิ่มกลุ่มเดินทางเป็นหมู่คณะ/กรุ๊ปทัวร์ (G.I.T.) ซึ่งจะเห็นผลหลังตรุษจีน 2566 แนวโน้มต้องขอเวลาบินเข้าออกไทย-จีน หรือ Slot ให้ได้ตามเป้าเพื่อเพิ่มที่นั่งโดยสารอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความต้องการตลาดจีนกำลังมาแรง ส่วนไทยก็ให้เร่งปรับตัวค่อนข้างเร็ว

ตามแผน ททท.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก กับ ททท.ในจีน 5 สำนักงาน พร้อมขับเคลื่อนกิจกรรมกระตุ้นตลาดการขายในจีนรวม 5 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 เปิดตัวแคมเปญการตลาดและการสื่อสาร โดยใช้วลีของผู้นำรัฐบาลจีน “สี เจิ้น ผิง” ลงนามกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำข้อตกลงความร่วมมือกันพร้อมกับกล่าวในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมเอเปค 2022 คือ “TWO LAND ONE HEARTH” ดังนั้นททท.จะนำมาแปลงสื่อความหมายทำแคมเปญการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์สื่อให้เข้าถึงคนในจีน ขณะนี้ ททท.ทั้ง 5 สำนักงาน กำลังทำเร่งทำงานเตรียมเปิดตัวแคมเปญพร้อมกันในสื่อทั่วสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยปี2566 ต่อไป
โครงการที่ 2 ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับตัวแทนแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่ในจีน เช่น C-TRIP Fliggy ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ Alitrip ในเครืออาลีบาบา (Alibaba) รวมทั้ง Ali Pay ช่องทางการจ่ายเงินครบวงจร เรื่อยไปจนถึงแพลตฟอร์มใหญ่รายอื่น และทำงานร่วมกับบริษัทนำเที่ยวใหญ่ของรัฐบาลจีนซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในปักกิ่ง 3 บริษัท คือ 1.CTS-China Travel Service 2.CITS-China International Service 3.CYTS Tour Holding Co รวมทั้งจับมือกับ KOL (Key Opinion Leaders) ผู้ที่มีอิทธิพลแห่งยุค เช่น ดารา อินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง มีจำนวนfollower มากกว่า 10 ล้านคนขึ้นไป เดินหน้าไลฟ์สดขายการท่องเที่ยวเมืองไทย

เนื่องจากปัจจุบันการขายท่องเที่ยวในจีนไม่ได้ขายผ่านบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวเป็นหลักอีกต่อไปแล้ว เพราะพฤติกรรมคนจีนหันมาซื้อผ่านออนไลน์ทั้งแพกเกจท่องเที่ยว โรงแรม จะขายผ่าน KOL ศิลปิน ดารา และผู้มีชื่อเสียง เตรียมเปิดตัว 10 มกราคม 2566 จากนั้น ททท.ทำงานร่วมกับซีอีโอของบริษัท CTS วันที่ 11 มกราคม 2566 เปิดไลฟ์สตรีมมิ่งขายเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่องอีกครั้ง คาดจะมียอดขายหลาย 10 ล้านแพกเกจ
โครงการที่ 3 จับมือกับสายการบินนำเที่ยวบิน ไป-กลับ สาธารณรัฐประชาชนจีน-ประเทศไทย กลับมาให้เร็วที่สุดเนื่องจากตอนนี้ Slot บินผ่านมาครึ่งทางช่วงตารางบินฤดูหนาวแล้ว คือตุลาคม-ธันวาคม 2565 เหลือครึ่งหลังมกราคม-ปลายมีนาคม 2566 จากนั้นจะเข้าสู่ “ตารางบินฤดูร้อน” เริ่มสัปดาห์ที่ 4 เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นไปททท.ได้ทำงานร่วมกับของไทยและจีน สนับสนุนสายการบินยื่นขอเวลาบินรอบใหม่จากกรมการบินพลเรือนแห่งชาติจีน (CACT ) ขณะนี้กำลังรอคำตอบจะได้รับ “อนุมัติเที่ยวบินเพิ่ม” เท่าไร แต่หลังประกาศเปิดประเทศมีชาวจีนเข้าไปเสิร์ซหาข้อมูลท่องเที่ยวโดยมี “ประเทศไทย” มาเป็นลำดับต้น ๆ โดยมีคู่แข่งได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และอื่น ๆ

โครงการที่ 4 นำเสนอ “ช่องทางใหม่ในการเดินทาง” จากจีนมาไทย เพิ่มอีก 2 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 “ทางบก” ได้แก่ “รถไฟความเร็วสูง” คุนหมิง มณฑลยูนาน เข้ามายังไทย ผ่าน สสป.ลาว ตามเส้นทาง R3A และ “คาราวาน” รถยนต์ กับบิ๊กไบค์ ช่องทางที่ 2 “ทางน้ำ” ล่องแม่น้ำโขง จาก สิบสองปันนา มาถึงเชียงแสน เชียงราย
โครงการที่ 5 เปิดตลาดเมืองท่องเที่ยวรองทั้งของไทยและจีน จะเจาะตามมณฑลต่าง ๆ ซึ่งประชากรกว่า 200-300 ล้านคน/มณฑล ขณะนี้มีสายการบินสุ่นเหยา , Spring Air และ ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส (MU) เตรียมบุกตลาดนำเที่ยวบินกลับมายัง เชียงใหม่ และสนามบินอู่ตะเภา
ผอ.ชูวิทย์กล่าวว่า เฟสที่ 1 เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเปิดประเทศ โดยจะชูพื้นที่ยอดนิยมเป็นจุดหมายปลายทางหลัก เช่น ท่องเที่ยวทางทะเล เที่ยวสวนผลไม้ กินทุเรียน ช้อปปิ้ง ดูจากสถิติปี 2562 จีนนิยมเที่ยวเมืองไทยเรียงตามอันดับยอดนิยม 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต สมุย(สุราษฎร์ธานี) และเชียงใหม่ ททท.จึงจะวางแผนเป็นพื้นที่นำร่องรับตลาดจีนปี 2566 เป็นต้นไป
ส่วนนโยบายปลดล็อก “การเพิ่มเที่ยวบินเข้าออกจีนสู่ไทย” เมื่อไม่มีข้อจำกัดใด ๆ แล้ว ยังได้ยกเลิกนโยบาย Five One 5 ต่อ 1 นั่นหมายถึงสายการบินสามารถวางแผนจัดการเที่ยวบินเข้าออกได้อย่างเสรี แต่ตอนนี้ทางกรมการบินพลเรือนแห่งชาติจีน ยังคงไว้ซึ่งกฎการบินซึ่ง อนุญาตให้สายการบินไทยจากไทยและจีน บินเข้าและออกได้ ฝ่ายละ 15 เที่ยว รวมเป็น 30 เที่ยว/สัปดาห์ หรือ 120 เที่ยว/เดือน จะเปิดอิสระได้ต้องรอหลังวันที่ 8 มกราคม 2566 โดยจะต้องดูรายละเอียดย่อยควบคู่กันด้วย
ขณะนี้เห็นสัญญาณสายการบินในจีนขยับตัวเต็มที่ขอสล็อตการบินจาก CACT และกรมการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) พร้อมเพิ่มเที่ยวบินจากจีนมาไทยจำนวนมากขึ้นหลายเท่า แต่ต้องรอความชัดเจนจริงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือ มีนาคม 2565 ดังนั้นปัญหาที่ไทยต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุดคือเรื่อง “บุคลากรบริการสนามบิน” เพราะจีนเคยเข้ามาสัปดาห์ละ 300-400 เที่ยว
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่จะขอความร่วมมือจาก “ผู้ประกอบการไทย” เตรียมพร้อมรับตลาดจีน คือ

เรื่องที่ 1 การวางระบบชำระเงิน เพราะตอนนี้จีนเลิกใช้เงินสดหันมาจ่ายผ่านดิจิทัลออนไลน์เป็นหลัก ผ่านระบบของ Ali pay Wchatpay
เรื่องที่ 2 การสื่อสารทำการตลาดต้องปรับตัวแบบ 360 องศา เพราะจีนเลือกใช้ระบบของประเทศตนเองเท่านั้น เช่นเหวยโบ๋ Wchat โดยไม่ได้ใช้ facebook Twitter , Instagram เหมือนสากลทั่วไป
เรื่องที่ 3 การสื่อสารต้องใช้ภาษาจีนเจรจาธุรกิจและทำการค้า
เรื่องที่ 4 ต้องปรับทัศนคติเชิงบวกยอมรับและต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนอย่างเป็นมิตร
และถึงแม้จีนจะประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ เริ่ม 8 มกราคม 2566 แต่โดยภาพรวมก็น่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตในประเทศปรับตัวอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 จะต้องติดตามสถานการณ์ จากอีก 2 ปัจจัยคือ ปัจจัยที่ 1 รายละเอียดเรื่องอนุญาตให้ชาวจีนทำพาสปอร์ต กับต่ออายุวีซ่าต่างประเทศ ปัจจัยที่ 2 ซัพพลายเออร์ในไทยยังขาดแคลนบุคลากรทำงานภาคบริการ เช่น ขนสัมภาระกระเป๋าผู้โดยสารในสนามบินให้สายการบินนานาชาติจีนที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินมาไทย
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen