

- “พิพัฒน์”พร้อมนำ5 สมาคมท่องเที่ยว ถกร่วม “สุพัฒนพงษ์-อาคม”
- ขอนำเงินกู้ 1 หมื่นล้านบาท ตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาท่องเที่ยว
- ผู้กู้ขอค้ำไขว้กันเอง ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ(ศบศ.)มีมติเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ วันที่ 1 ก.ค.นี้ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยยืดระยะเวลาการอยู่ในจังหวัดภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว จาก 7 วันเป็น 14 วันถึงจะออกไปจังหวัดอื่นได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เตรียมเข้ามาในเดือนก.ค.นี้ลดลงไปครึ่งหนึ่งจากเป้าหมาย 29,700 คนทันที ซึ่งตนจะรอให้ทดลองไปก่อน 1 เดือนเพื่อดูผลว่ามีการติดเชื้อจากคนที่เดินทางเข้ามาหรือไม่ หากสำเร็จด้วยดีไม่ทีคนติดเชื้อ จะเสนอให้พิจารณาระยะเวลาอยู่ในภูเก็ตเหลือ 7วันแล้วออกไปพื้นที่อื่นได้ และจะประกาศให้ทั่วโลกได้เห็นว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่สีเขียวที่คนมาท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้
ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีผลการตรวจหาเชื้อจากประเทศต้นทางเป็นลบ เมื่อมาถึงจังหวัดภูเก็ตเพื่อท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว ตามมติ ศบศ.จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ(swap)ในวันที่ 0,6 และ 12 ด้วย และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมประสานหน่วยงานความมั่นคง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว และกรมเจ้าท่า คุมเข้มเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในพื้นที่ไม่ครบ 14 วัน ลักลอบออกจากภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่น ๆ

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า ในเดือนก.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ที่ยืนยันมาแล้ว 2 กลุ่ม คือ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ และในช่วงปลายเดือน คือ กลุ่มทหารเรือจากอังกฤษ ซึ่งเข้ามาในภูมิภาคเพื่อทำการซ้อมรบและมาแวะพักที่จังหวัดภูเก็ต อีกประมาณ 400 – 500 คน ประมาณ 1 สัปดาห์ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรป และทวีปอเมริกา จะมีทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนประเทศในกลุ่มเอเชียใต้ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในประเทศไทย เพราะต้องรอให้สถานการณ์ในประเทศนั้นคลี่คลายลงก่อน
ส่วนนักท่องเที่ยวไทย เบื้องต้นจะต้องฉีดวัคซีนครบก่อนจึงจะสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ โดยชิโนแวค ต้องฉีด 2 โดส แอสตร้าเซเนก้า ฉีด 1 โดส แต่ถ้าใครยังไม่ฉีดจะต้องสวอปเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดก่อนทุกราย
นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับ 5 สมาคม ประกอบด้วย 1.สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว 2.สมาคมโรงแรมไทย 3.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ 4.สมาคมสปาไทย 5.สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ได้ข้อสรุปว่า จะนำทั้ง 5 สมาคมเข้าพบนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพื่อขอให้พิจารณานำเงินกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 วงเงิน 500,000 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาท่องเที่ยว โดยให้กู้ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ให้ผู้ประกอบธุรกิจค้ำไขว้กัน เพราะถ้ามีสินทรัพย์ปกติก็คงไม่มาเข้าช่องทางนี้

ส่วนข้อเสนอช่วยค่าจ้างพนักงานเพื่อรักษาการจ้างงานและช่วยสภาพคล่อง โดยขอสนับสนุน 50%ของค่าจ้างพนักงาน หรือไม่เกินเดือนละ 7,500 บาท ตนเองได้ขอให้ 5 สมาคมไปหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งได้หารือกับคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ ที่มีเลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน ซึ่งได้หารือกันในเรื่องนี้แล้วว่าจะใช้เงินกู้โควิดก้อนใหม่มาดำเนินการ ส่วนการนำเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ในกรณีนี้ต้องใช้ดับผู้ประกอบการที่ปิดกิจการชั่วคราวจากผลกระทบของโควิด-19 เท่านั้น