

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ค.) ตัวแทน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากทั่วประเทศหลายสิบคนนำโดยนายจำรัส คำรอด ประธาน อสม.แห่งประเทศไทย ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอบคุณนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงฯ จากกรณีที่เป็นผู้ช่วยเดินหน้าผลักดันเรื่องค่าเสี่ยงภัย อสม. 500 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 19 เดือน
ทั้งนี้หลังการพูดคุยกับ อสม. นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ อสม.มาให้กำลังใจผู้บริหารกระทรวงฯ และไม่ได้มาเรียกร้องผลประโยชน์อะไร โดยในเร็วๆ นี้ จะหยิบยกเรื่องค่าตอบแทน อสม.เข้าไปหารือ ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทางกระทรวงฯ พร้อมผลักดันเต็มที่ และคิดว่า ไม่ได้เป็นการใช้เงินเกินงบ เพราะกระทรวงฯ ระบุชัดเจนว่างบส่วนนี้ อยู่ในงบที่กระทรวงฯได้รับอยู่แล้ว

นอกจากนี้ในที่ประชุมสภาฯ ผู้แทนประชาชน ต่างเห็นตรงกันว่า ต้องให้ค่าเสี่ยงภัย อสม. ขอย้ำว่า นี่ไม่ใช่การตอบแทน เพราะ อสม.เป็นอาสาสมัคร แต่ที่กำลังดำเนินการอยู่ เรียกว่าค่าเสี่ยงภัย
“สำหรับ อสม. ขอให้ท่านสบายใจ ว่าทางกระทรวงสาธารณสุข เห็นคุณค่าของท่าน และในการจัดสรรงบของกระทรวงฯนั้น ก็จะยกให้เรื่องการจ่ายค่าเสี่ยงภัย มีความสำคัญเป็นลำดับแรก” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง อสม.ได้ร่วมมือกับแพทย์ พยาบาล ประชาชน ในการควบคุมโรค ซึ่งภารกิจของท่านก็ยังไม่จบ ในช่วงโควิด-19 ระบาด อสม.ลงพื้นที่คัดกรองโรคทั่วประเทศ และวันนี้ ยังเห็นภาพ อสม.ไืล่ฉีดยาสุนัขป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ควบคู่กับการคุมโรคโควิด-19 อีกด้วย ในการนี้ต่างประเทศยังแปลกใจกับความสำเร็จในการคุมโรคของไทย เนื่องด้วยต่างชาติไม่มี อสม.จึงไม่เข้าใจความสำคัญในตรงนี้
“ทางสภาพัฒน์ ขอให้กระทรวงฯ จัดลำดับความสำคัญของการใช้งบ ซึ่งทางกระทรวงฯ จัดไปแล้วหลายรอบ เรื่องค่าเสี่ยงภัย อสม.ก็ยังอยู่ในลำดับต้นๆ แต่เมื่อยังมีข้อทักท้วงก็ต้องมาหารือกัน ขอย้ำว่า ที่สุดแล้วกระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนการทำงานของ อสม.ขอให้ อสม.ทุกท่านตั้งใจปฏับัติหน้าที่ อย่างดีที่สุด” นายอนุทิน กล่าว

ด้านนายจำรัส คำรอด ประธาน อสม.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนายอนุทิน และผู้บริหารกระทรวงฯ ที่เห็นความสำคัญของงานซึ่ง อสม.ปฏิบัติอยู่ ที่ผ่านมาได้เคาะประตูบ้าน ให้ความรู้ด้านสุขภาพ และคัดกรองโรคทุกวันในทุกพื้นที่ โดยเราไม่ได้มาเรียกร้องเงินทอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อสม.ยังปฏิบัติงานเหมือนเดิม เพราะการทำงานด้วยจิตอาสา คือความภาคภูมิใจสูงสุด