ตลาดหุ้นสหรัฐไร้ทิศทาง ดาวโจนส์เปิดบวก แนสแด็ก-เอสแอนด์พี500 ติดลบ

  • ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย. ทุบสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี 2535
  • เฟด นิวยอร์ก ระบุ ดัชนีภาคการผลิต -48.5 ในเดือนพ.ค.ดีขึ้นกว่าที่คาด
  • นักลงทุนยังกังวลความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ-จีน รอบใหม่

เมื่อเวลา 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 23,644.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.03 จุด +0.08% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 8,931.66 จุด ลดลง 12.06 หรือ-0.13% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 2,851.90 จุด ลดลง 0.60 จุด หรือ -0.02%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวไร้ทิศทาง นักลงทุนยังชะลอการซื้อเพื่อติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเครื่องชี้ที่ออกมามีดีขึ้นและแย่ลง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 12.3% หลังจากลดลง 8.3% ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ -48.5 ในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -60.0 และดีขึ้นจากระดับ -78.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

นักลงทุนยังกังวลความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สหรัฐออกกฎเพื่อสกัดการส่งออกเซมิคอนดัคเตอร์ให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนรายใหญ่หลายรายออกมาตั้งคำถามถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด โดยนายเดวิด เทปเปอร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนประเภทมหาเศรษฐีพันล้าน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน