ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แดงเถือก ผิดหวังเฟดไม่ชัดเจนส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

  • ตกใจตัวเลขเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่นลงแรง
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก
  • กังวลความตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่านเพิ่มขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ 26,548.22 จุด ลดลง 179.32 จุด หรือ -0.67% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,917.38 จุด ลดลง 27.97 จุด หรือ -0.95% ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,884.72 จุด ลดลง 120.98 จุด หรือ -1.51%

นักลงทุนเหันมาเข้าซื้อทองคำ และฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอื่น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ลงแรงมาก อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนัก

ทั้งนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 121.5 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.2560 หลังจากดีดตัวขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 131.1 จากระดับ 134.1 ในเดือนพ.ค.

โดยการร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันร่วงลงแตะ 162.6 จากระดับ 170.7 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลงสู่ระดับ 94.1 จากระดับ 105.0

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 7.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 626,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากแตะระดับ 679,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.

นักลงทุนยังผิดหวังที่นายเจอโรม พาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภาวิเทศสัมพันธ์ในกรุงนิวยอร์ก

โดยนายพาวเวลล์กล่าวเพียงว่า เฟดกำลังประเมินว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ และเฟดกำลังใช้ท่าทีรอคอยและจับตาดูสถานการณ์ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจในระยะนี้

และเฟดเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด แม้ว่าในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดไว้

ขณะที่นายพาวเวลล์ ยืนยันว่า การเมืองจะไม่ถูกนำมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณานโยบายการเงิน

ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ได้แสดงความเห็นคัดค้านการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ค. เนื่องจากเขาไม่คิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้จะทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขนาดนั้นได้

ขณะที่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนถึงความสำเร็จในการเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ในการพบปะกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุมกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด 20 ประเทศ ในสัปดาห์นี้ เพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนมากขึ้น