ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงหลังโดนฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
- นักลงทุนยังคงซื้อหุ้นต่อเนื่อง รอลุ้น ปรากฎการณ์ “ซานต้า แรลลี่” ช่วงส่งท้ายปีเก่า
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวแคบ หลังใกล้ปิดฉากการซื้อขายปี 2566 ในสัปดาห์นี้
- เจ้าหน้าที่เฟดระบุ เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หากเงินเฟ้อชะลอตัว
เมื่อเวลาประมาณ 22.25น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 37,595.56 จุด เพิ่มขึ้น 50.23 จุด หรือ 0.13% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,778.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.68 จุด หรือ 0.08% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,101.27 จุด เพิ่มขึ้น 26.69 จุด หรือ 0.18%
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ทุกคนกำลังรอปรากฎการณ์ “ซานต้า แรลลี่” ในตลาดหุ้นปีนี้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่ โดยคาดว่าตลาดหุ้นหลักทั้ง 3 ตลาดจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลง
ล่าสุด นายโรเบิร์ต แคปแลน อดีตประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าววานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า เนื่องจากเฟดต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
“เฟดต้องการหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป ทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงต่อไป โดยบเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเผชิญปัญหาเงินเฟ้อคือการที่เฟดใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินนานเกินไป แม้ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังดีดตัวขึ้น และผมคิดว่าเฟดไม่อยากทำผิดพลาดเหมือนกันเกี่ยวกับการใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินนานเกินไป ขณะที่เศรษฐกิจและเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัวลง”
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลงสวนทางการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังถูกนิวยอร์กไทมส์ฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
โดยนิวยอร์กไทมส์ สื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศฟ้องบริษัทไมโครซอฟท์ และบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแชตบอต แชตจีพีที (ChatGPT) โดยกล่าวหาว่าบริษัททั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์สินทรัพย์ทางปัญญาของนิวยอร์กไทมส์