ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาติดลบ กังวล “สงครามการค้า”รอบใหม่ตามหลอน

  • ห่วงแผนยุติสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯไม่คืบ
  • ทรัมป์ ขู่ตกลงกันไม่ได้อาจเก็บภาษีเพิ่ม
  • ลดดอกเบี้ยกระทบผลประกอบการแบงก์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมากังวการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า

“สหรัฐและจีนยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า” นายทรัมป์ กล่าว

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ เพิ่มเติม สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯด้วย หากการเจรจาการค้าไม่สำเร็จ

เมื่อเวลา 21.55 น.ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,253.55 จุด ติดลบ-82.08 หรือลดลง-0.30% ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,193.88 จุด ลดลง-28.92 จุด หรือ -0.35% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวต่ำลงกว่าระดับ 3,000 จุด ลงมาอยู่ที่ 2,990.81 จุด หรือลดลง -13.23 จุด หรือลดลง 0.41%

ทั้งนี้ นอกเหนือจากความกังวลในเรื่องการเจรจาการค้าที่อาจจะไม่สามารถหาข้อยุติได้ ระหว่างสหรัฐฯ และจีนแล้ว ผลประกอบการในกลุ่มแบงก์ยังมีแนวโน้มที่ไม่ได้ดีตามที่คาด

นายพอล โดโนฟริโอ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุเตือนว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำจะกระทบต่อผลกำไรของทางธนาคาร

โดยนายโดโนฟริโอคาดการณ์ว่า แบงก์ ออฟ อเมริกาจะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) เพิ่มขึ้นราว 2% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ลดลงจากก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าธนาคารจะมี NII เพิ่มขึ้นราว 3% ในปีนี้ เทียบกับระดับ 6% ในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นายโดโนฟริโอยังคาดการณ์ว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และ 1 ครั้งในปีหน้า แบงก์ ออฟ อเมริกาก็จะมี NII เพิ่มขึ้นเพียง 1% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทั้ง 12 ภาคในวันนี้ รวมทั้งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เพ่ื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมช่วงสิ้นเดือนนี้