ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่ง 349.89 จุด นักลงทุนคาดเฟดขยับลดดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดพุ่ง 349.89 จุด นักลงทุนคาดหวัง เฟดขยับลดดอกเบี้ย พบดัชนี CPI เดือน เม.ย. โตต่ำกว่าคาดการณ์ ชี้นักลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์ก รอดูผลประกอบการ วอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เพื่อหาสัญญาณแนวโน้มการใช้จ่ายผู้บริโภค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาด วันที่ 15 พ.ค.67 อยู่ที่ 39,908.00 จุด เพิ่มขึ้น 349.89 จุด หรือ +0.88% 

ขณะที่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 5,308.15 จุด เพิ่มขึ้น 61.47 จุด หรือ +1.17% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดอยู่ที่ 16,742.39 จุด เพิ่มขึ้น 231.21 จุด หรือ +1.40% 

ทั้งนี้ ดัชนีหลัก ทั้ง 3 ดัชนี ข้างต้น ได้ทำสถิติปิดตลาด ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ที่รวมหมวดอาหาร และพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี 

โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน เม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน มี.ค.

นอกจากนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังเปิดเผยถึง ยอดค้าปลีก มีการทรงตัวในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายเดือนสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาด ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน มี.ค.

ทั้งนี้ จากข้อมูล ทั้งดัชนี CPI ทั่วไป และยอดค้าปลีก ส่งผลให้นักลงทุน มีความหวังว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ 

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า เวลานี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75.3% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือน ก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 65.1% ในการสำรวจเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด 

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 4.344% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ลดลงสู่ระดับ 4.726%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุน รอดูผลประกอบการ ของวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ ในวันนี้ (16 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค

รวมถึงนักลงทุน ยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้จะมีการเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้างเดือน เม.ย.

ราคานำเข้า และส่งออกเดือน เม.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้ จะเป็นการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน เม.ย.

สำหรับหุ้น 11 กลุ่ม ที่คำนวณในดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยปรับตัวขึ้น 2.3% และ 1.7% ตามลำดับ

ในส่วนหุ้นบริษัทเทคโนโลยี ที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ก็ขยับพุ่งขึ้นเช่นกัน นำโดย หุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้นแรง 3.6% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.7% และ หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.2%

ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกในวันพุธ (15 พ.ค.67) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลงมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุน จากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุน มีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 78.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 82.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์