ตรุษจีนปีนี้เงินสะพัดกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท



  • มูลค่าสูงสุดรอบ 3 ปีขยายตัว 13.6% โตบวกรอบ 4 ปี
  • ผู้บริโภคบ่นอุบของแพง ซื้อของน้อยลง ใช้ของเหลือจากปีก่อน
  • ชี้เปิดรับนักท่องเที่ยวจีนดันท่องเที่ยว-เศรษฐกิจฟื้นเมินโควิด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการและประชาชนในช่วงตรุษจีนปี 66 ว่า คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่ายสูงถึง45,017.17 ล้านบาท สูงสุดรอบ 3 ปี นับจากปี 64 ที่มีมูลค่า 44,939.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.6% จากปี 65 ที่มีมูลค่า 39,627.79 ล้านบาท ขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับจากปี 63 ที่ติดลบ 1.53%, ปี 64 ติดลบ21.85% และปี 65 ติดลบ 11.82%

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงการใช้จ่าย ผู้ตอบมากถึง 41.3% ระบุว่าใช้จ่ายไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน อีก 38.4% บอกเพิ่มขึ้นเพราะราคาสินค้าแพงขึ้น, ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น, รายได้มากขึ้น, ได้โบนัสมากขึ้น, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐเช่น ช้อปดีมีคืน, ธุรกิจได้กำไรมากขึ้น และอีก 20.3% บอกใช้จ่ายลดลง เพราะมีหนี้มากขึ้น โดยผู้ที่มีหนี้มากกว่ารายได้ คือ กลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 5,000-20,000 บาท, ลดค่าใช้จ่าย, ภาวะเศรษฐกิจแย่ลง, รายได้ลดลง, โควิดยังแพร่ระบาด, เสถียรภาพทางการเมือง, ภัยธรรมชาติ ฯลฯ

ส่วนเมื่อถามถึงราคาของเซ่นไหว้ในปีนี้ มากถึง 36.6% บอกของแพงขึ้นมาก จึงลดจำนวนชิ้น ซื้อเฉพาะของที่จำเป็นซื้อของคุณภาพลดลง และใช้ของที่เหลือจากปีก่อน ขณะที่ 28.4% บอกของแพงขึ้นน้อย, 32.8% บอกราคาไม่เปลี่ยนแปลง และอีก 1.8% บอกถูกลง สำหรับแหล่งที่มาของเงินที่ใช้จ่ายช่วงตรุษจีน มากถึง 56.8% บอกใช้เงินออม,  22.4% ใช้เงินเดือน รายได้ปกติ, 15.0% ใช้เงินจากโบนัส รายได้พิเศษ อีก 5.0% ใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐ และอื่นๆ อีก 0.8%

สำหรับการให้เงินแต๊ะเอียนั้น มากถึง 55.6% คาดจะได้รับ และอีก 44.4% ไม่ได้รับ ขณะที่ในส่วนของผู้ให้แต๊ะเอียนั้น ส่วนใหญ่กว่า 80% บอกให้เท่ากับปีก่อน และมองว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีผลกับการให้แต๊ะเอียในระดับปานกลางถึงน้อยที่สุด

“การจับจ่ายใช้สอยกลับมาทั้งแผง ตั้งแต่การซื้อของให้ตัวเอง ให้คนอื่น ของไหว้ อั่งเปา ตลอดจนการเดินทางท่องเที่ยว แต่การจับจ่ายใช้สอยยังเป็นรูปตัว K การฟื้นตัวเกิดขึ้นจากคนชั้นกลางขึ้นไป ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นขณะที่ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อย ยังระมัดระวังใช้จ่าย ส่วนความคึกคักในช่วงตรุษจีน ส่วนใหญ่มองว่า เท่าเดิมถึงมากขึ้นกว่าปีก่อน”

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ศูนย์ฯยังได้ถามถึงความกังวลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน พบว่า อันดับแรก คือ การไม่มีมาตรการป้องกัน/รองรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของภาครัฐ รองลงมาคือ ความเสื่อมโทรมของสถานที่ท่องเที่ยว และการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ ส่วนผลดี คือ  ทำให้การท่องเที่ยวคึกคักขึ้น, การจ้างงาน การค้า การใช้จ่าย การลงทุน การเกษตร และเศรษฐกิจดีขึ้น

“ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ในโลกโซเชียลว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้โควิดระบาดมากขึ้น หรือคนไทยติดโควิดมากขึ้น แต่คนไทยก็ยังกังวลโควิดจากจีน ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการผลักให้นักท่องเที่ยวเข้ามา และต้องดูว่าการที่คนจีนเข้ามามากๆ จะมีผลต่อการระบาดในประเทศหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์จะเด่นชัดในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.นี้ถ้าไม่มีโควิดแพร่กระจายอย่างรุนแรง การท่องเที่ยวไทยจะกลับมามากขึ้น” 

สำหรับทัศนะของผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่า บรรยากาศตรุษจีนปีนี้คึกคักมากปีก่อน และผู้บริโภคซื้อของเพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้ประกอบการเตรียมของขายมากขึ้นด้วย ส่วนความกังวลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยกังวล และมองว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน จะทำให้การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจดีขึ้น