

- ดูไบโชว์ฝีมือจัดATM : Arabian Travel Market 1-4พ.ค.66เปิดDWTC
- ดึงธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าร่วมกว่า2,000รายกว่า150ประเทศคาดมีผู้ร่วมงาน34,000คนใช้เวทีผลักดัน4ไฮไลต์
- ตีปีกรับคู่ค้าจีนฟื้นเที่ยวนอกเดือนละ6ล้านคนตามมาด้วยอินเดียซาอุดิอาระเบียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศความพร้อมจัดมหกรรมซื้อขายหรือเทรดโชว์งานท่องเที่ยวนานาชาติรายการ “ATM : Arabian Travel Market 2023” ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2566 ที่ DWTC : Dubai World Trade Center กรุงดูไบ โดยทำสถิติดึงดูดธุรกิจทั่วโลกเข้าร่วมได้มากถึง 150 ประเทศ พร้อมมีผู้สนใจจัดการแสดงสินค้ากว่า 2,000 ราย ตั้งเป้าจะมีต่างชาติเข้าสู่ดูไบเพื่อร่วมงานไม่ต่ำกว่า 34,000 คน รวมทั้งมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมนำเอกชนไทยเดินทางไปเจรจาธุรกิจในงานนี้ด้วย เนื่องจากเป็นศูนย์รวมตัวแทนบริษัทผู้ซื้อท่องเที่ยวจากตลาดตะวันออกกลางที่มีทั้งคุณภาพและศักยภาพนำนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยสูงติดท็อปเท็นเช่นกัน
ล่าสุดมีรายงานการจัด ATM 2023 สร้างความฮือฮาให้ทั่วโลกได้เห็นศักยภาพ 4 ไฮไลต์ ประกอบด้วย
ไฮไลต์ที่ 1 จัดทำผลสำรวจการท่องเที่ยว “Net Zero” จะผนึกกำลังกันนำท่องเที่ยวลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สอดคล้องตามธีมจัดงาน Working Towards Net Zero ที่ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างการเชื่อมต่อใหม่ แบ่งปันความรู้ แสดงนวัตกรรมที่มีศักยภาพเร่งการเดินทางทั่วโลกร่วมกันลดคาร์บอนให้ได้เร็วที่สุด
ไฮไลต์ที่ 2 นำร่องจัด Arabian Travel Week 2023 ได้แก่ เซสชั่น ATM, ILTM, GBTA และอีกมากมายหลากหลายเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอเชีย

ไฮไลต์ที่ 3 ระดมวิทยากรซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมมาเปิดมุมมองใหม่ เช่น เซอร์ ทิม คลาร์ก แห่งสายการบินเอมิเรตส์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางนำเสนอเทรนด์การท่องเที่ยวโลกยุคใหม่ เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมไปด้วยกัน
ไฮไลต์ที่ 4 สร้างความยิ่งใหญ่จัด ATM 2023 โดยทำสถิติมีผู้แสดงสินค้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27 % ทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ ตะวันออกกลาง เพิ่ม 24% ยุโรป 17 % เอเชีย 15%) แอฟริกา 8.5%) และการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 62 % กับการท่องเที่ยวและโรงแรมงานเติบโตเพิ่ม 37.5 %
รวมถึงผู้แสดงสินค้าท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานนนี้ยังเตรียมต้อนรับคู่ค้าจากจีนที่ตอบเข้าร่วมงาน ATM 2023 เพราะตามคาดการณ์ของ CNN ระบุหลังจีนเปิดประเทศตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2566 เป็นต้นไป ตลาดจีนจะฟื้นตัวออกเดินทางเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกเดือนละกว่ 6 ล้านคน ซึ่งเมื่อปี 2562 จีนเคยเที่ยวต่างประเทศมากอันดับหนึ่งปีละ 155 ล้านคน ใช้จ่ายเงินรวมกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนผู้แสดงสินค้าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ตลาดจะโดดเด่นมากเช่นกัน โดยเฉพาะอินเดียตามข้อมูลของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) รายงาน 9 เดือนแรก ปี 2565 มีชาวอินเดียใช้จ่ายเงินเดินทางต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 43% เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขกับก่อนโควิด และภายในปี2567 มีประมาณการณ์จากแหล่งอื่น ๆ ระบุจำนวนการเดินทางมากกว่า 27 ล้านครั้ง สร้างมูลค่าการใช้เงินรวมกว่า42,000 ล้านดอลลาร์เหรียญสหรัฐ
ขณะที่ “ซาอุดีอาระเบีย” พบสถิติเดินทางเข้าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มากกว่าชาติอาหรับอื่น ๆ ช่วง 9 เดือนแรก ปี2565 ได้ต้อนรับผู้มาเยือนมากกว่า 18 ล้านคน ใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวช่วงครึ่งแรกปี 2565 มากถึง 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“Vasyl Zhygalo” กรรมการผู้จัดการของ RX Middle East และผู้อำนวยการพอร์ตโฟลิโอของ WTM, IBTM และRX เปิดเผยว่า หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดมหกรรมการขายท่องเที่ยวทั้ง WTM Africa และ WTM Latin America เมื่อช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องดีที่เครือข่ายการท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้มีส่วนร่วมกับตลาดการท่องเที่ยวในกลุ่มตะวันออกกลาง เห็นได้จากมีตัวแทนจัดแสดงสินค้าเติบโตทเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งน่าตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับมาเดินทางแว หลังคลายข้อจำกัดยกเลิกเงื่อนไขเรื่องโควิดออกไป

ขณะเดียวกันในเวทีจัดงาน ATM 2023 ยังได้เน้นการยกระดับท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเลือกจัดในธีมWorking Towards Net Zero เชื่อมโยงทั้งกับงาน WTM และ IBTM โดยได้นำเสนอหัวข้อเพื่อทำสำรวจขอบเขตอันหลากหลายแนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจที่เข้าร่วมงานครั้งนี้
ทางด้าน “แดเนียล เคอร์ติส” ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการ ME, Arabian Travel Market กล่าวว่า “ATM 2023 จะมีวิทยากรภาครัฐและเอกชนอย่างหลากหลาย พร้อมนำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ และประเด็นสำคัญอื่นๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมี Eleni Giokos ของ CNN เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อจะเปิดเวทีให้ผู้กำหนดนโยบายเข้าร่วมอภิปรายในหัวข้อ ATM Global เป็นระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว” กับมุมมอง “จะสามารถจัดการกับวิกฤตสภาพอากาศได้อย่างไร”
นำโดย ฯพณฯ ของแต่ละประเทศ ได้แก่ Abdulla Bin Touq Al Marri รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Makram Mustafa Abdul Karim Al-Qaisi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งวัฒนธรรมจอร์แดน Walid Nassar รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวเลบานอน และสุกิจ โมฮันตี หัวหน้า UNDRR สหรัฐอาหรับ มาร่วมกันนำเสนออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะดำเนินการสู่ลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน#gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen