

- จัดลำดับความสำคัญ ประชาชนมาก่อน
- ความมั่นคงภาครัฐแลบริการก็สำคัญ
- มั่นใจเมษายนนี้ มีข้อสรุปการกำกับดูแล
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า จากที่พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ได้มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือแนวทางกำหนดหลักเกณฑ์บริการที่จัดเป็นบริการที่มีความสำคัญ โดยพิจารณา จาก 3 ด้าน คือ ขอบเขตของผลกระทบ, ผลกระทบหรือระดับความรุนแรงที่ตามมา และระยะเวลาที่กระทบต่อการให้บริการ คาดว่าภายในเดือนเม.ย.นี้ จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลต่อไป
ทั้งนี้ยังคงเน้นบริการที่มีผลกระทบสูงใน 9 ปัจจัย ดังนี้ 1.ผลกระทบต่อประชากร 2.ผลกระทบเชิงความหนาแน่นของประชากร มีผลกระทบต่อชีวิตหรือการปฏิบัติงานของประชาชน 3.ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ 4.ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กรหรือต่อประเทศ โดยเกิดผลกระทบรุนแรงต่อภาพลักษณ์ 5.ผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 6.ผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ 7.ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน 8.ผลกระทบอื่นหรือระบบอื่น และ 9. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับที่รุนแรงมาก ทั้งนี้สำหรับเกณฑ์ประกอบการพิจารณา ในแต่ละปัจจัยจะต้องมาพิจารณากำหนดในรายละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ฯได้กำหนดหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ไว้ 8 ด้าน ได้แก่ความมั่นคงของรัฐ, บริการภาครัฐที่สำคัญ, การเงินการธนาคาร,เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม, การขนส่งและโลจิสติกส์, พลังงานและสาธารณูปโภค, ด้านสาธารณสุข และอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศเพิ่มเติม