

- ยกทีมผู้บริหารโชว์วิสัยทัศน์
- ชูแนวคิด “ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด”ขับเคลื่อนประเทศ
- เป็นศูนย์กลางของดิจิทัลสตาร์ทอัพทุกชาติ
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า 5 ปีที่ผ่านมา ดีป้า มุ่งพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้างเสริมทักษะด้านโค้ดดิ้งให้กับเด็กและเยาวชน มากกว่า 4.2 ล้านคน เพิ่มศักยภาพกำลังคนดิจิทัลผ่านการ Upskill, Reskill และ New Skill พร้อมกันนี้ ดีป้า ยังยกระดับภาคเศรษฐกิจสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ โดยสร้างดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทย 142 ราย เกิดมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่า 16,000 ล้านบาท ผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพเข้าสู่ระบบและได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ ซึ่งดิจิทัลสตาร์ทอัพนับเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก (Real Sector) ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและบริการ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม
นอกจากนี้ ดีป้า ยังดำเนินการขับเคลื่อนชุมชนสู่สังคมดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มั่นคง เติบโตได้อย่างยั่งยืน มากถึง 281 ชุมชน ซึ่งประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน ผู้สูงวัย กลุ่มเปราะบาง เกิดความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ตระหนักถึงประโยชน์ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไม่น้อยกว่า 9 ล้านคน ส่งเสริมให้เกิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 30 พื้นที่ ใน 23 จังหวัด ส่งคนรุ่นใหม่กลับไปทำงานเพื่อพัฒนาภูมิลำเนาของตนเอง และบูรณาการการทำงานกับท้องถิ่น ผ่านโครงการนักส่งเสริมดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (Smart City Ambassadors) อีกทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านโครงการ Thailand Digital Valley ที่ทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 67

สำหรับปี 2566 ดีป้า พร้อมต่อยอดภารกิจต่าง ๆ ตามแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “DIGITAL INFINITY – ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด” ประกอบด้วย
Ecosystem and Beyond
มุ่งสร้างชุมชนของเหล่าดิจิทัลสตาร์ทอัพให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของดิจิทัลสตาร์ทอัพทุกชาติ และทุกอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล (Digital Service) แต่ครอบคลุมไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) เกม (Game) ฮาร์แวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware & Smart Device) รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ พร้อมดำเนินการสร้างกลไกส่งเสริมการลงทุนที่จะกลายเป็นหนึ่งในระบบนิเวศสำคัญในการเปิดตลาดประเทศไทยและกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมความพร้อมขยายตลาดเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ (Main Land) โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นฐานการเชื่อมโยงสู่ประเทศจีน
National Transformation and Beyond
สร้างกลไกที่จะช่วยทรานส์ฟอร์มภาคธุรกิจและบริการ กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก รวมถึงภาคเกษตรกรรมได้รับการทรานส์ฟอร์มทั้งระบบ จะเร่งขับเคลื่อนให้เกิดเครื่องมือใหม่ ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมไปสู่ระบบอัตโนมัติมากขึ้น เช่น การนำหุ่นยนต์มาใช้ในกระบวนการผลิต ขณะเดียวกัน ดีป้า จะเร่งเพิ่มมูลค่าให้กับภาคเกษตรกรรม โดยการยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาประยุกต์ใช้ และวางรากฐานเตรียมความพร้อมเข้าสู่กลไกตลาดโลก
Technology and Beyond
จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะ Big Data, Blockchain และ AI ซึ่งมองว่า ทุกภาคส่วนจะต้องรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงความปลอดภัย และประยุกต์ใช้เป็น นอกจากนี้ ประเทศไทยจะต้องเร่งสร้างเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) ที่เป็นของตนเอง เพื่อเป็นอาวุธ หรือเกราะป้องกันเมื่อต้องแข่งขันทางเทคโนโลยีกับคู่แข่งต่างชาติ อีกทั้งนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
Policy and Digital Inclusion
สุดท้ายคือเรื่องของนโยบายที่ ดีป้า จะดำเนินการเพื่อจัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ เน้นการทำ Digital Inclusion โดยทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นฐานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนกระจายการทำงานไปสู่ทุกประเทศในภูมิภาค เพื่อให้ไทยกลับมาเป็น ‘เสือ’ อีกครั้งเหมือนในอดีต โดยไทยจะต้องปลดล็อคกระบวนการทางกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศในการดึงดูดนักลงทุน หรือผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ทำอย่างไรให้ ‘คน’ ในภูมิภาคสามารถเข้าถึงและใช้นโยบายที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแก่ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงเปิดประตูการค้าหรือการทำงานร่วมกัน หาก ดีป้า ไม่ดำเนินการ ประเทศไทยไม่ลงมือทำจะก้าวไม่ทันประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน

Looking Forward
จัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (National Big Data Institute: NBDi) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการทำงานเพื่อผลักดันประเทศ ให้ผู้ประกอบการจะสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ส่วนประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามแนวคิด “Big Data for All” นอกจากนี้ ดีป้า จะเร่งกระจายการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแก่ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการผ่านเครือข่ายการทำงานในรูปแบบสำนักงานฯ สาขาทั้ง 7 สาขาทั่วประเทศของ ดีป้า เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มประเทศ อีกทั้งเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึง และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล โดยดำเนินงานเสมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวของ ดีป้า ผ่าน d-space และ d-station
“แผนการดำเนินงานต่าง ๆ ถือเป็นความท้าทายไปอีกขั้น โดยมุ่งหวังช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตได้ถึง 9.9 แสนล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 7.7 แสนล้านบาท ซึ่งการทำงานจะไม่หยุดนิ่ง พร้อมกับการประสานการทำงานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลสำเร็จ โดยมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลรอบด้าน และให้ประเทศไทย รวมถึงคุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว