

นายวิทวัส พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DCON ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การดำเนินงานของธุรกิจโรงงานผนัง และชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป พรีคาสท์คอนกรีต (Precast Concrete) ณ ลำลูกกา คลอง 12 ของ บริษัท ดีเอสซีโปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือนั้น ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี โดยนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มเปิดทำการผลิต บริษัทมียอดสั่งซื้อสินค้าพรีคาสท์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 70% ยังสามารถผลิตรองรับลูกค้าที่สนใจได้อีก

“เทคโนโลยีที่ยริษัทนำมาใช้ภายในโรงงาน ถือเป็นระบบการผลิตที่ทันสมัยที่สุดที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปในประเทศไทยในขณะนี้ โดยใช้เครื่องจักรคุณภาพแบรนด์ Vollert ของเยอรมนีเข้ามาช่วยผลิตชิ้นส่วน ขณะเดียวกันยังให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งออกแบบ ผลิต และติดตั้ง จึงทำให้ได้รับทั้งความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากพันธมิตรและคู่ค้าหลายราย อันจะมีผลต่อผลประกอบการ DCON ในปีถัดไป” นายวิทวัส กล่าว
ทั้งนี้ ภายในโรงงานยังมีระบบต่างๆ ที่เข้ามาช่วยควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน อาทิ ระบบการทำงานแบบ Semi-Automatic Carousal Plant นำเทคโลยีมาช่วยควบคุมคุณภาพและทำงานแทนแรงงานบางส่วน ระบบVollert Control Center ที่ใช้ข้อมูลรายละเอียดชิ้นส่วนต่างๆ จากเทคโนโลยี BIM (Building Information Technology) ในการควบคุมการผลิตผนังแบบพรีคาสท์

นายวิทวัส กล่าวต่อว่า สถานการณ์ความต้องการผนังสำเร็จรูปพรีคาสท์ยังมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งรายใหญ่และรายกลาง ต่างปรับแผนการดำเนินธุรกิจจากการพัฒนาคอนโดมิเนียม มาเป็นการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้นทั้งในปีนี้ และปี 2564 เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ความต้องการผนังพรีคาสท์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและผู้รับเหมาก่อสร้างจำนวนมาก ไม่ได้มีโรงงานพรีคาสท์เป็นของตัวเอง บริษัทจึงเตรียมเดินหน้าเจรจากับผู้พัฒนาโครงการ และผู้รับเหมาทั้งรายใหญ่และรายกลางเหล่านี้ต่อไป

“ปัจจุบันโรงงานผนังสำเร็จรูปพรีคาสท์มีกำลังผลิต 70% สามารถผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป 12,000 ตารางเมตรต่อเดือนต่อรอบงาน โดยนำไปสร้างบ้านทาวน์โฮมได้ประมาณ 50 หลังต่อเดือน หรือบ้านเดี่ยวประมาณ 35 หลังต่อเดือน อีกทั้งบริษัทยังสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้อีกเท่าตัว หากขยายกำลังเป็นสองรอบงาน เพื่อรองรับความต้องการตลาดได้” นายวิทวัส กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเห็นแนวโน้มที่ผู้พัฒนาโครงการและผู้รับเหมาหันมาใช้พรีคาสท์ โดยจากข้อดีที่โดดเด่นของพรีคาสท์ ได้แก่ 1.ช่วยลดเวลาการก่อสร้าง สามารถหล่อชิ้นส่วนพรีคาสท์ไปพร้อมกับการก่อสร้างฐานรากแล้วนำไปติดตั้งได้ทันที ทั้งยังมั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนคอนกรีตที่ส่งถึงหน้างาน มีคุณภาพที่ดี และมีมิติที่ถูกต้อง จากการหล่อชิ้นส่วนสำเร็จรูปภายในโรงงาน และควบคุมด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย

2.สามารถฝังงานระบบเข้าไปในชิ้นส่วนได้เลย ไม่ต้องกรีดผนังซ้ำหลังการก่ออิฐในระบบ เสาคาน หล่อในที่ 3.ช่วยลดจำนวนแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาหลักในปัจจุบันจากการขาดแคลนแรงงานในตลาด 4.ช่วยลดกิจกรรมการก่อสร้างที่ต้องทำกลางแจ้ง เช่น การผูกเหล็ก หรือการตั้งแบบอีกด้วย และ 5.ช่วยลดปริมาณขยะที่หน้างาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม