ดาวโจนส์ติดลบ 144 จุด หวั่นเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยกระทบเศรษฐกิจ

  • รายงานการประชุมล่าสุด กรรมการเฟดเห็นพ้องปรับขนาดงบดุล-ขึ้นดอกเบี้ย
  • นักลงทุนเทขายหุ้นบางส่วนลดความเสี่ยง หวั่นดอกเบี้ยขึ้นสูงกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจ
  • ตลาดจับตาสงครามยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6 เม.ย.ที่ 34,496.51 จุด ลดลง 144.67 จุด หรือ -0.42%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,481.15 จุด ลดลง 43.97 จุด หรือ -0.97% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,888.82 จุดลดลง 315.35 จุด หรือ -2.22%

นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่นหลังรายงานการประชุมเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดของงบดุลและเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค.นี้นอกจากนี้ กรรมการเฟดหลายคนยังสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวนหนึ่งหรือสองครั้งในการประชุมวันข้างหน้า หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้น

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 3.66% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.85% หุ้นแอมะซอนดิ่งลง 3.23% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.887% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.1% หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงต่อเน่องเช่นกัน โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 2.96% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 4.28% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 2.98% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.58%

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.18% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ดีดตัวขึ้น0.38% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.49% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 2.6%

ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคนั้น หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นพีจีแอนด์พี บวก 0.33% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3.54% หุ้นพีพีแอล คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 2.37%

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งการที่นานาประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า ในการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่นั้น สหรัฐจะแบนการลงทุนใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึงคว่ำบาตรธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) และอัลฟาแบงก์ (Alfa Bank) สองสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย