ดาวโจนส์ เคลื่อนไหวในแดนลบกว่า 70 จุด กังวลเงินเฟ้อพุ่งเกินคาด

.นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อสูงกระทบนโยบายดอกเบี้ย จากที่คาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ม.ค.66
. ตลาดมีความหวังผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียน ที่จะทยอยประกาศออกมาสดใส
.จับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หาสัญญาญเศรษฐกิจฟื้น

เมื่อเวลา 22.05 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,924.58 จุด ลดลง 71.60 จุด หรือ -0.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,777.30 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +0.30% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,385.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.76 จุด หรือ +0.02%

นักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2534 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพ.ค.

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2566 โดย FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2566 ขณะที่มีแนวโน้ม 90% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2565

ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน, โกลด์แมน แซคส์ และเป๊ปซี่โค ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดในวันนี้ ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, เดลต้า แอร์ไลน์ และแบล็คร็อค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ และยูไนเต็ดเฮลธ์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีกำไรในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 65% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552 โดยบริษัทจำนวน 66 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้ออกรายงานคาดการณ์ผลประกอบการที่เป็นบวกในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่บริษัท FactSet ได้เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว

โดยคาดว่า หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในตลาดจะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม และการเงิน ขานรับการเปิดเศรษฐกิจใหม่ หลังจากที่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14 ก.ค.เวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 15 ก.ค.เวลา 09.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.30 น.ตามเวลาไทย