ดาวโจนส์ ดิ่งลงแรงกว่า 420 จุด วิตกไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คุมไม่อยู่



  • ยอดติดเชื้อสหรัฐฯยังไม่หยุด รายงานมีผู้ติดเชื้อเป็นรายที่ 5
  • ส่วนการระบาดไปทั่วโลกยังเพิ่มทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และประเทศที่ระบาด
  • นักลงทุนเทขายหุ้น น้ำมัน หันไปถือเงินสด-ลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย

เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 28,568.85 จุด ติดลบ 420.88 จุด หรือ -1.45% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,161.24 จุด ติดลบ 153.67 จุด หรือ -1.67% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 3,251.69 จุด ติดลบ 43.78 จุด หรือ -1.33%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดดิ่งลงอย่างรุนแรงทั้ง 3 ตลาด นักลงทุนหวั่นวิตกสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มเป็นรายที่ 5 ในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และประเทศที่ระบาด โดยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะควบคุมการระบาดได้ นอกจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นหลักๆ ในเอเชีย
ทั้งนี้ นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ และสกุลเงินที่เป็นสกุลเงินปลอดภัยหลายสกุล ขณะที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และน้ำมันลง รวมทั้งถือครองเงินสดมากขึ้น

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ออกแถลงการณ์ล่าสุดในวันนี้ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพิ่มขึ้นเป็น 81 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตในมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้นเป็น 76 ราย จากเดิม 56 ราย ขณะที่ 5 รายเสียชีวิตในมณฑลอื่นๆของจีน จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2,862 ราย และมีผู้ป่วยที่อาการวิกฤตมี 461 ราย

ขณะที่อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ออกรายงานระบุว่า
ทางมหาวิทยาลัยคาดการณ์ว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในจีนเพิ่มขึ้น 3,806 ราย สู่ระดับ 5,794 ราย
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวนมากกว่า 50 รายในประเทศและดินแดนต่างๆทั่วโลกจำนวน 13 แห่งนอกจากประเทศจีน

นักลงทุนยังคงจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ในการคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้