ดาวโจนส์แกว่งตัวแคบ จับตาการประชุมเฟดลดดอกเบี้ยวันพรุ่งนี้

  • นักลงทุนชะลอการลงทุน หาสัญญาณใหม่
  • ส่วนใหญ่คาดเฟดลดดอกเบี้ยไม่แรง 0.25%
  • ทรัมป์ ทวิตส์ อัดเฟดไม่ได้ทำอะไรให้เศรษฐกิจดี

ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตลาดวันจันทร์ของสัปดาห์ชี้ชะตาอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ แกว่งตัวในช่วงแคบๆ ซื้อขายทั้งในแดนบวกและแดนลบ นักลงทุนยังคงชะลอการซื้อขาย เพื่อรอจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้เช่นกัน

เมื่อเวลาประมาณ 21.30น.เตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,224.520 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.07 จุด หรือเพิ่มขึ้น +0.12% ดีดตัวขึ้นเล็กน้อย หลังเปิดตลาดติดลบ ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,264.11 จุด ลดลง 66.11 จุด หรือ -0.79%ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวติดลบ 0.25% ที่ 3,018.39 จุด ติดลบ
-7.47 จุด

ทั้งนี้ ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในที่จะจัดขึ้นต่อเนื่องในวันที่ 30-31 ก.ค. นักลงทุนคาดการณ์ค่อนข้างแน่แล้วว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จะเดินทางถึงนครเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธ อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า การเจรจากดังกล่าวอาจจะไม่สามารถมีข้อตกลงที่ชัดเจนได้ในครั้งนี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประชุมตัดสิใจอัตราดอดเบี้ยของเฟด ทวิตเตอร์ @realDonaldTrump นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า “สหภาพยุโรปและจีนจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก และอัดฉีดเงินเข้าระบบกันมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตในประเทศของตนขายสินค้าได้ง่ายขึ้น” แต่”เฟดของเราไม่ทำอะไรเลย และคงไม่ทำอะไรมากหากต้องเทียบ”

ทั้งนี้ เขามองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหากเฟดดำเนินการจริงก็คงส่งผลกระทบไม่มาก โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น แม้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

โดยก่อนหน้านั้น ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความกดดันว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้

“เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในขณะนี้ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และใช้ต้นทุนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขณะที่เศรษฐกิจในอนาคตอยู่ในช่วงขาลง โดยเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงเกินไปในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น เฟดไม่ควรทำผิดพลาดอีก” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ