

- circuit breaker -เฟดอัดเงินช่วยธนาคาร ไม่อาจต้านทานแรงขาย
- นักลงทุนผิดหวังทรัมป์สั่งห้ามเที่ยวบินยุโรป30วัน -หวั่นกระทบเศรษฐกิจมากขึ้น
- แรงขายหนักทุกกลุรม นัดวิเคราห์ชี้ตลาดผันผวนยังไม่เห็นทิศทางชัดเจน
ยังไม่มีข่าวดี สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 12มี.ค.ที่ผ่านมา ปิดร่วงลงอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์ที่ 21,200.62 จุด ดำดิ่ง 2,352.60 จุด หรือ -9.99% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,480.64 จุด ลดลง 260.74 จุด หรือ -9.51% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,201.80 จุด ลดลง 750.25 จุด หรือ -9.43%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันแบล็คมันเดย์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2530 เช่นเดียวกับเอสแอนด์พี500 โดยนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการตกลงของดัชนีครั้งนี้เป็นการตกลงแบบไม่เห็นทิศทางที่แท้จริงว่าจะไปทางไหนต่อได้
เปิดตลาดเเพียงไม่ถึงนาที ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ดิ่งลงทันทีมากกว่า7% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐต้องนำระบบ circuit breaker มาใช้เพื่อพักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที แต่หลังจากเปิดตลาดอีกครั้งดัชนียังคงร่วงต่อ อย่างไรก็ตาม ในช่วงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการประกาศอัดฉีดเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อหวังลดผลกระทบของโควิด-19 ดัชนีกระเตื้องขึ้น ยังไม่สามารถต้านทานแรงขายจากความวิตกกังวลในตลาดได้
นักลงทุนผิดหวังการแก้ปัญหาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศมาตรการระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปทั้งหมด ยกเว้นสหราชอาณาจักร เป็นเวลา 30 วันข้าง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 13มี.ค. นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ตำหนิสหภาพยุโรป (EU) ที่ไม่ดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางจากจีนตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดยในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีโอกาสติดเชื้อดังกบ่าว หลังมีร฿ปถ่ายใกล้ชิดกับนักการสื่อสาร บราซิล ที่ติดเชื้อโควิด-19
นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ ECB ได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก็ตาม
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 17.28% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทรุดลง 24.8% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 15.3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 21.04% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส 15.07%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักเช่นกัน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 11.4% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 8.23% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 18.01% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ลดลง 2.9% หุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วงลง 5.8% หุ้นมาราธอน ออยล์ ลดลง 2.9% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ดิ่งลงกว่า 15%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะ 10 ปีดิ่งลง หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 15.03% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 8.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 9.5% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 12.3% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 15.87% หุ้นแบล็คร็อค ร่วงลง 10.4% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 14.8%
นักลงทุนคาดว่าใจประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ เฟดจะลดดอกเบี้ยลง )อีก 0.75-1% โเยFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 55.7% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมครั้งนี้ และมีแนวโน้ม 44.3% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75%