ดาวโจนส์เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นกว่า 220 จุด คลายกังวลเงินเฟ้อพุ่ง



.ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนเม.ย.
.นักลงทุนซื้อหุ้นต่อเนื่อง มองอัตราเงินเฟ้อแตะจุดสูงสุด ช่วยดอกเบี้ยไม่ขึ้นแรง
.ตลาดยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกที่ทยอยประกาศออกมา

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,862.48 จุด เพิ่มขึ้น
225.29 จุด หรือ +0.69% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,982.44 จุด เพิ่มขึ้น 241.79 จุดหรือ +2.06% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,115.24 จุด เพิ่มขึ้น 57.40 จุด หรือ +1.41%

นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นต่อเนื่อง หลังจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงหลังจากพุ่งแตะระดับ 6.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525

ดัชนีที่ชะลอลงดังกล่าว บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้แตะจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการตัดสินใจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี PCE ทั่วไปในเดือนเม.ย. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 5.2% ในเดือนมี.ค.

ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายที่ดีขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของค่าจ้าง ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐเผชิญภาวะตึงตัว

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 58.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2554 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.1 หลังจากแตะระดับ 65.2 ในเดือนเม.ย. ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตต่างปรับตัวลง

นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดของเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ