ดาวโจนส์เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นกว่า 160 จุด จับตาเศรษฐกิจฟื้น-วุฒิสภาอนุมัติงบประมาณ




. หุ้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจขยับขึ้น ส่วนทางหุ้นเทคโนโลยีราคาลด
. นักลงทุนจับตาการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของวุฒิสภา ป้องกันภาวะซัตดาวน์ของหน่วยราชการ
.ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นแรง สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,959.68 จุด เพิ่มขึ้น
161.68 จุดหรือ +0.46% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,980.37 จุด ลดลง 67.33 จุดหรือ -0.45% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,451.36 จุด ลดลง 4.12 จุดหรือ -0.09%

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ รวมทั้งกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้น ขานรับการปรับตัวลงของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวเหนือระดับ 1.5% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. จากปัจจัยความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่วิตกต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

นักลงทุนจับตาแนวโน้มการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของวุฒิสภา หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันที่ 21 ก.ย. เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรยังมีมติให้ยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี 2565

อย่างไรก็ดี วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันหลายรายยืนกรานว่าจะไม่โหวตรับรองร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐต้องปิดการดำเนินงานในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.ใกล้เคัยงนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.