ดาวโจนส์เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นกว่า 200 จุด คาดเงินเฟ้อพุ่งไม่ส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย



. ดัชนีเงินเฟ้อสำคัญพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี เงินเฟ้อพื้นฐานพุ่ง 3.9%
.นักลงทุนยังคงซื้อหุ้นรับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เชื่อเฟดยังไม่รับขึ้นดอกเบี้ย
.ตลาดขานรับเตรียมออกมาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล

เมื่อเวลา 22.10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ34,401.26 จุด เพิ่มขึ้น
204.44 จุด หรือ +0.60% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,366.42 จุด ลดลง 3.29 จุด หรือ -0.02%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,276.95 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด หรือ +0.25%

ดัชนีเงินเฟ้อสำคัญพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2535

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% ส่วนดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนเม.ย.

ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561 เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในเดือนนี้ โดยดัชนียังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก ยังไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ระบุก่อนหน้านี้ว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว และจะผ่อนคลายลงในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยไม่มีปัญหาการขาดแคลนแรงงานและวัตถุดิบในการผลิต

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 23 แห่งของสหรัฐสามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ธนาคารดังกล่าวสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับปกติ และกลับมาซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.

ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะรวมทั้งโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ ในขณะที่หุ้นกลุ่มเเทคโนโลยีมีแรงเทขายออกมาหลังราคาขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการใช้จ่ายออกมาไม่ดีเท่าที่ควร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. รายได้ส่วนบุคคลลดลง 2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.7%

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 85.5 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าระดับ 82.9 ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86.5 ดัชนีปรับตัวขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงาน