ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลบกว่า 100 จุด กังวลเฟดเร่งลด QE

. นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 21-22 ก.ย.นี้
.คาดเฟดเริ่มปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าคาด
.ตลาดกังวลเงินเฟ้อ โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ส.ค. ดีดตัวขึ้น 0.7%สูงกว่าที่คาด

เมื่อเวลา 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,760.00 จุด ลดลง 119.38 จุด หรือ -0.34% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,259.90 จุด เพิ่มขึ้น 11.65 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,485.08 จุด ลดลง 8.20 จุด หรือ -0.18%

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. โดยคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่คณะกรรมการเฟดใช้ในการพิจารณาว่าจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ในปีนี้แน่นอน

นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เงินเฟ้อในสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีนี้ แต่จะปรับตัวลงในปีหน้า ขณะที่แนวโน้มมีความเสี่ยงในช่วงขาขึ้น โดยให้มุมมองว่า เฟดควรสร้างความชัดเจนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแนวทางการประเมินเงินเฟ้อและการจ้างงานที่เต็มศักยภาพ โดยเฟดควรให้ข้อมูลที่มากขึ้นในแถลงการณ์หลังการประชุมเกี่ยวกับเหตุผลของการที่เฟดเปลี่ยนมุมมองทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ตัวเลขเครื่องชี้เศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 7.8% ในเดือนก.ค.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนส.ค.2557

อย่างไรก็ตาม ตลาดมีปัจจัยบวกจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ และจะเป็นผลดีต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การหารือของผู้นำทั้งสองเกี่ยวกับความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันซึ่งจะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ โดยมีรายงานว่า จีนพร้อมร่วมมือกับสหรัฐในด้านการป้องกันภาวะโลกร้อน, การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19, การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และประเด็นอื่นๆในภูมิภาคและระดับโลก บนพื้นฐานของการที่สหรัฐและจีนจะให้ความเคารพในความแตกต่างและความกังวลของแต่ละฝ่าย

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวว่า หากจีนและสหรัฐเผชิญหน้ากัน ทั้งสองประเทศและทั่วทั้งโลกจะเป็นฝ่ายเสียหาย แต่หากจีนและสหรัฐสามารถร่วมมือกัน ทุกฝ่ายก็จะได้ประโยชน์