

.นักลงทุนติดตามการประกาศผลประกอบการของกลุ่มค้าปลีก หลังทาร์เก็ตกำไรทรุด
. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศยอดค้าปลีกในเดือน ต.ค.โตกว่านักวิเคราะห์คาด
.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐได้ปรับตัวลงหลุด 7%
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,568.64 จุด ลดลง
24.28 จุด หรือ -0.07% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,230.44 จุด ลดลง 127.97 จุด หรือ -1.13% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,964.94 จุด ลดลง 26.79 จุด หรือ -0.67%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมีแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ออกมาหลังราคาดีดขึ้นต่อเนื่อง หลังคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังกังวลผลประกอบการบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ออกไม่ดี สวนทางกับยอดค้าปลีกในเดือน ต.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาหุ้นของทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 15% ในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรทรุดตัวลงในไตรมาส 3 ทั้งนี้ ทาร์เก็ตเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3 ร่วงลงราว 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทต้องทำการลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือน ต.ค.ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 1.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% หลังจากทรงตัวในเดือนก.ย. โดยยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินช่วยเพิ่มยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน
นอกจากนี้ การจัดโปรโมชั่นในวัน Prime Day ของบริษัทแอมะซอนก็ได้เพิ่มยอดค้าปลีกในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ ตลาดซื้อขายบ้านในสหรัฐเริ่มได้รับผลดี โดยข้อมูลจากสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐได้ปรับตัวลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 7% และเป็นการร่วงลงหนักที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนก.ค.