

- นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
- ตัวเลขเศรษฐกิจ ชี้อเมริกันชนใช้จ่ายลดลงมาก
- หุ้นทวิตเตอร์-หุ้นเฟซบุ๊ก ยังร่วงต่อ หลังทรัมป์จ่อเข้มควบคุม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 29 พ.ค.ที่ 25,383.11 จุด ลดลง 17.53 จุด หรือ -0.07% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,044.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.58 จุด หรือ +0.48% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,489.87 จุด เพิ่มขึ้น 120.88 จุด หรือ +1.29%
ตลาดหุ้นสหรัฐซึมๆต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์ นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการปรับตัวของเศรษฐกิจ โดยความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐที่เพิ่มขึ้นกดดันให้ดัชนีตลาดปรับตัวลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งให้คณะบริหารของเขาเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกงเพื่อตอบโต้จีนที่วางแผนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง
แต่ยังไม่มีการระบุถึงมาตรการใดๆ ที่อาจจะทำลายข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งสหรัฐและจีนทำไว้เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเป็นความวิตกที่กดดันตลาดมาตลอดทั้งสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคลายล็อกดาวน์เพื่อกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้งในหลายรัฐ
นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเปิดเผยว่า กรุงนิวยอร์ก ซิตี้ จะเปิดเศรษฐกิจเฟสแรกในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และในขณะนี้ 5 เขตทางเหนือของรัฐนิวยอร์กจะเข้าสู่เฟสสองของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในเว็บคาสต์ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในวันศุกร์ โดยเขาระบุย้ำว่า เฟดจะใช้เครื่องมือต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินถ่วงตลาดลง ขณะที่หุ้นทวิตเตอร์ ร่วง 2% และ หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.2% หลังนายทรัมป์ลงนามในคำสั่งพิเศษที่ขู่จะใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับเสรีภาพในการพูดกับบรรดาบริษัทโซเชียลมีเดีย
ซึ่งอาจจะๅนำไปสู่การกำหนดกฎระเบียบใหม่ภายใต้กฎหมาย “Communications Decency Act” เพื่อกำหนดให้บริษัทโซเชียลมีเดียที่ทำการเซ็นเซอร์หรือกระทำการใดๆ ที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ไม่สามารถได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายดังกล่าวได้อีกต่อไป
หุ้นนอร์ดสตรอมซึ่งดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร่วง 11% หลังรายงานยอดขายรายไตรมาสร่วงเกือบ 40% อันเนื่องมาจากการปิดห้างสรรพสินค้าท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นเซลส์ฟอร์ซ.คอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ร่วง 3.5% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรประจำปี
ขณะที่แนวโน้มการใช้จ่ายในสหรัฐยังลดลงกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลง 13.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502 และย่ำแย่กว่าสถิติเดิมที่ 6.9% ที่ทำไว้ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 12.6%
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.3 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 71.8 ในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 74.0