ดาวโจนส์ลบ134จุด ข่าวทรัมป์ติดโควิดกระทบความเชื่อมั่น


.นักวิเคราะห์ชี้ทรัมป์ติดโควิดสร้างความไม่แน่นอนทางการเมือง
.นักลงทุนขายหุ้นเทคโนโลยีซื้อหุ้นปลอดภัยลดความเสี่ยง
.ตลาดได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 2ต.ค.ที่ 27,682.81 จุด ลดลง 134.09 จุด หรือ -0.48%, ดัชนีอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,348.42 จุด ลดลง 32.38 จุด หรือ -0.96% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,075.02 จุด ลดลง 251.49 จุด หรือ -2.22%

มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำให้ราคาลดลงต่อเนื่อง นักลงทุนเปลี่ยนมาซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจนั้น ปรับตัวขึ้นมากที่สุดช่วยลดช่วงติดลบของดัชนีดาวโจนส์

ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดันอย่างหนักในช่วงแรก หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 และจะเข้าสู่กระบวนการกักกันตัว แต่ตลาดได้ลดช่วงติดลบลง หลังทำเนียบขาวออกมายืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีความสามารถในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป แม้เขามีอาการป่วยเล็กน้อยก็ตาม

นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า “ข่าวทรัมป์ติดโควิดยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ภาวะของตลาดได้สะท้อนให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน”

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นเพียง 661,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 850,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.2% หลังจากแตะระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนบางส่วน หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศว่า อาจจะมีการทำข้อตกลงเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการที่รัฐบาลสหรัฐจะให้เงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินเป็นวงเงินอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า ตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่แนวโน้มการออกกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ในเร็วๆ นี้ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ไม่มีแนวโน้มว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เนื่องจากมองว่า วงเงินที่พรรคเดโมแครตเสนอนั้นสูงเกินไป

หุ้นแอปเปิล ร่วง 3.32%, หุ้นแอมะซอน ลบ 2.99% และหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.95% ขณะที่หุ้นเทสลา ร่วง 7.38% เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ขานรับการเปิดเผยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทในไตรมาส 3 แม้ว่าจะสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ก็ตาม

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มสายการบินพาณิชย์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับข่าวความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดเงินช่วยเหลือรอบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการบิน โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ บวก 2.09%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่ง 3.34% และหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.36%