ดาวโจนส์ลบ 53จุด หลังปิดวันแรงงานสหรัฐฯ วานนี้



.นักลงทุนห่วงเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ กระทบเศรษฐกิจโลก

.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวต่อเนื่อง

.ตลาดคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.แม้ไม่มั่นใจวัฎจักรขาขึ้นสิ้นสุด

เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,784.34 จุด ลดลง 53.37 จุดหรือ–0.15% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,504.59 จุด ลดลง11.18 จุดหรือ–0.25% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 14,045.38 จุด เพิ่มขึ้น13.57จุด หรือ+0.10%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯพลิกเข้าสู่แดนลบ หลังจากทรงตัวในช่วงแรก ถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ

ทั้งนี้ การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี หมายถึงสัญยาณวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะไม่สิ้นสุด

อย่างไรก็ตามนักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเมื่อวันศุกร์

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 7.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75%

ขณะเดียวกันนักลงทุยยังคงกังวลเศรษฐกิจจีนที่ซบเซ หลังการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนร่วงลงสู่ระดับ 51.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถผลักดันการบริโภคในประเทศ

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%