ดาวโจนส์ลบเล็กน้อยกว่า 20 จุด รอลุ้นผลประชุมดอกเบี้ยเฟด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวน เคลื่อนไหวแกว่งตัวแคบๆ ในแเนลบ สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผลประกอบการบริษัทที่ทยอยประกาศออกมา

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งแรกของปีคืนนี้
  • นักลงทุนมองเฟดคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ลุ้นลดดอกเบี้ยไตรมาสที่ 2
  • ไอเอ็มเอฟ ประกาศโลกชนะเงินเฟ้อแล้ว ชี้ปีนี้เงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 38,311.36 จุด ลดลง22.09 จุด หรือ 0.06% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,924.54 จุด ลดลง 3.39 จุด หรือ 0.07% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,594.68 จุด ลดลง 33.37 จุด หรือ 0.21%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งแรกของปีนี้ โดยเริ่มต้นการประชุมในคืนนี้ และจะมีการประกาศผลการประชุมในคืนวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้

ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และมีโอกาสเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.มากกว่าเดือนพ.ค. ขณะที่ตลาดให้ความสำคัญต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุมพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศชัยชนะต่อเงินเฟ้อ โดยระบุว่า การใช้นโยบายที่เข้มงวดของธนาคารกลางต่างๆ ได้ทำให้เงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าคาดในภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยIMF คาดว่าเงินเฟ้อในระดับโลกจะอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปี 2567 หลังจากพุ่งแตะ 6.8% ในปี 2566 และจะอยู่ที่ระดับ 4.4% ในปี 2568 ส่วนเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วจะอยู่ที่ระดับ 2.6% ในปีนี้ และ 2.0% ในปีหน้า ซึ่งเป็นการปูทางให้เกิดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่ากำหนด

นักลงทุนยังจับตา การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 10% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นกว่า 1% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 4/2566 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนในไตรมาสดังกล่าว ท่ามกลางรายได้ที่ลดลงจากการจำหน่ายยาและวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้ จะมีการเปิดเผยผลประกอบการของ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ โดยบริษัทไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้ ขณะที่แอปเปิ้ล อะเมซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี