

.นักลงทุนเทขายหุ้นพลังงาน ธนาคารลดความเสี่ยงกังวลวิกฤตเศรษฐกิจ-สถาบันการเงิน .ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการตัดสินใจนโยบายการเงินพรุ่งนี้ .นักลงทุนวิตก รมว.คลังสหรัฐเตือนประเทศอาจเผชิญการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,496.33 จุด ลดลง
555.37 จุด หรือ -1.63% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่12,037.60 จุด ลดลง 174.99 จุด หรือ -1.43% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,094.11จุด ลดลง 73.76 จุด หรือ -1.77%
ดัชนีดาวโจนส์ลดลงต่อเนื่อง แม้นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบนี้ พร้อมกับยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ได้ดำเนินมานับตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้งติดต่อกันรวม 4.75%
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐญ นักลงทุนขายลดความเสี่ยง โดยถูกกดดันจากการทรุดตัวอย่างหนักของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ตามราคาน้ำมันที่ดิ่งลงในตลาดโลก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแรงเช่นกัน หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ภาคธนาคารของสหรัฐยังคงมีความเปราะบาง แม้เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เข้าซื้อกิจการของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเพดานหนี้สหรัฐ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายในวันดังกล่าว
ตลาดจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพรุ่งนี้ ขณะที่กังวลทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจและวิกฤตสถาบันการเงินที่อาจจะยังมีบางส่วนที่กลัดหนองและพร้อมจะแตกตามมา