ดาวโจนส์ลดลง 26จุด จับตากระตุ้นเศรษฐกิจ -ผิดหวังราคาน้ำมัน

  • สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชะลอตัว ดันตลาดยืนแดนบวก
  • ตัวเลขสะท้อนจ้างงานลด-ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่ง 9%
  • นักลงทุนจับตาทางการออกมาตรการเพิ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่7เม.ย.ที่ 22,653.86 จุด ลดลง 26.13 จุด หรือ -0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,659.41 จุด ลดลง 4.27 จุด หรือ -0.16% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,887.26 จุด ลดลง 25.98 จุด หรือ -0.33%

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น ตั้งแต่เปิดตลาด และระหว่างวันปรับเพิ่มขึ้นกว่า 800 จุด หลังนักลงทุนมองสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อาจใกล้ผ่านช่วงเลวร้าย เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในหลายประเทศได้ชะลอตัวลง

ตลาดจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลออกในทางที่ดีขึ้นพบว่าค่าเฉลี่ย 3 วันของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆในนิวยอร์กลดลง

ขณะที่นครลอส แองเจลิส รวมทั้งเคาน์ตี้ลอส แองเจลิสรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 7% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการรายงานตัวเลขเพิ่มขึ้นต่กว่า 10% เปอร์เซนต์ ตั้งแต่เดืนมี.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ฝั่งยุโรปและจีนปรับตัวดีขึ้น.โดยทางการจีนแถลงว่า ข้อมูล ณ วันที่ 6 เม.ย.ระบุว่า จีนไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโควิด-19 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 9% ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ในปี 2563กดดันดัชนีตลาดให้อ่อนตัวลง ในช่วงท้ายและปิดในแดนลบเล็กน้อย

นักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โก อินเวสต์เมนท์ อินสติติวท์ ในรัฐมิสซูรี กล่าวว่า ภาคพลังงานมีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐในหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงการจ้างงาน และการใช้จ่ายด้านทุน

สอดคล้องกับ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS)วานนี้ พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานของสหรัฐ ลดลง 130,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ขณะที่อัตราการเปิดรับสมัครงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนม.ค.

ทั้งนี้ นักลงทุนยังอยู่ระหว่างติดตามแนวโน้มการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สภาคองเกรสกำลังหารือกันเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูรอบที่ 4 ที่อาจจะมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้ความช่วยเหลือพนักงานและบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ซึ่งประกอบธุรกิจเรือสำราญพุ่งขึ้น 10.8% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันก่อนหน้า หลังจากกองทุน Public Investment Fund ในซาอุดีอาระเบียได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 8.2% ในบริษัทคาร์นิวัล มีส่วนช่วยดึงกลุ่มธุรกิจเรือสำราญปรับตัวเพิ่มขึ้นด่วย โดยหุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทะยานขึ้น 13.3% และหุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 10%

หุ้นกลุ่มสายการบินหล่ยตัวปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ บวก 1.9% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.9% ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 1.98% หลังจากบริษัทประกาศลดการใช้จ่ายด้านการลงทุนในปี 2563 ลงราว 20% เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน