

- นักลงทุนกังวลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งกระทบต้นทุนบริษัท
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุดเพิ่มขึ้น 29,000 ราย สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
- มีแรงขายหุ้นลดความเสี่ยง ขณะที่รอดูทิศทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,165.92 จุด ลดลง 107.95 จุดหรือ -0.36% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,146.62จุด ลดลง 2.02 จุดหรือ -0.02% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,775.62 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือ -0.20%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะซึมเซา ดัชนียังคงดิ่งลง หลังนักลงทุนขายหุ้นบางกลุ่มออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่จับตาเครื่องชี้เศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัท
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ นอกจากนั้น ตลาดยังได้ปัจจัยลบจากการดีดตัวขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก
ทั้งสองปัจจัยจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงกว่า 2% เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับมติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน
ด้านตลาดแรงงานยังผันผวน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 29,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 203,000 ราย ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.36 ล้านราย
ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 265,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%