ดาวโจนส์ลดลงต่อกว่า 160 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย -ติดตามทิศทางตลาดแรงงาน



.นักลงทุนยังคงกังวลทิศทางดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาด หลังรายงานเฟดชี้ชัดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย
.ตลาดมีแรงขายหุ้นออกมาต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยง แต่แรงขายลดลงกว่าวันก่อน
.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สูงกว่านักวิเคราะห์คาด

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,240.77 จุด
ติดลบ 166.34 จุด หรือ -0.46% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,948.44 จุด ลดลง 151.73 จุด หรือ -1.00%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,680.33 จุด ลดลง 20.25 จุด หรือ -0.43%

ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวนในแดนบวกและลบ หลังดิ่งลงแรงในวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนยังคงขายหุ้นออกมา เนื่องจากกังวลการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่คาด และติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อภาคธนาคาร ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.75% จากการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลหลังจากที่เฟดได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

สำหรับตลาดแรงงานยังอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้จะดีน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 36,000 ราย สู่ระดับ 1.75 ล้านราย

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โโยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 422,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.1%