ดาวโจนส์ร่วง 323 จุด ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง-เศรษฐกิจอ่อนไหว

  • ตลาดกังวสภาครองเกรสยังขัดแย้งเพิ่มเพดานหนี้
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูง-เศรษฐกิจฟื้น
  • หุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นสวนตลาดรับราคาน้ำมันมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4ต.ค.ที่ 34,002.92 จุด ลดลง 323.54 จุด หรือ -0.94% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,300.46 จุด ลดลง 56.58 จุด หรือ -1.30% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,255.48 จุด ลดลง 311.21 จุด หรือ-2.14%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.470% เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่สภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ ขณะที่เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่า ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักสุดถึง 2.36% โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 2.46% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.11% หุ้นแอมะซอนร่วงลง 2.85% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.07% หุ้นทวิตเตอร์ ทรุดลง 5.78%

หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4.89% หลังมีรายงานว่า เฟซบุ๊ก รวมทั้งอินสตาแกรมและ WhatsApp ซึ่งเป็นบริการในเครือของเฟซบุ๊ก ต่างประสบปัญหาขัดข้องทางเทคนิคและทำให้ผู้ใช้บริการทั่วโลกไม่สามารถเข้าใช้งานได้เมื่อคืนนี้ ตั้งแต่เวลา22.30 น.ตามเวลาไทย

หุ้นบริษัทผลิตวัคซีนร่วงลง หลังจากบริษัทเมอร์ค แอนด์ โคเปิดเผยผลการทดลองระบุว่า ยาโมลนูพิราเวียร์(molnupiravir) ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 นั้น มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา ทั้งนี้ หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.19% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ลดลง 0.78% หุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 4.47% หุ้นโนวาแวกซ์ ร่วงลง 1.83%

ไมเคิล ยี ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพของบริษัทเจฟเฟอรีส์ กล่าวว่า การร่วงลงของหุ้นบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจะกลัวโควิด-19 น้อยลง และจะลดความต้องการฉีดวัคซีน เนื่องจากมียาเม็ดที่รับประทานได้ง่ายเพื่อรักษาโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ข่าวความคืบหน้าในการทดลองยาโมลนูพิราเวียร์เป็นปัจจัยหนุนหุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.09%

หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 0.81% หลังบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 241,300 คันในไตรมาส 3/2564 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 220,900 คัน

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.63% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.12% หุ้นเชฟรอน บวก 0.37% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.32% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.98%

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดีดตัวขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือน ก.ค.

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้