ดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 300 จุด กังวลผลประกอบการ บริษัทใหญ่ไม่ดี ชี้เศรษฐกิจไม่ฟื้น



.นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจเปราะบาง เทขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
.โบอิ้งประกาศผลประกอบการขาดทุนสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4
.ตลาดลุ้นเฟดต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุมนโยบายการเงินวันนี้

เมื่อเวลา 22.20 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,584.81จุด
ลดลง 352.23 จุด หรือ -1.14% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,503.81 จุด ลดลง 122.25 จุด -0.90% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,802.96 จุด ลดลง 46.66 จุด หรือ -1.21%

นักลงทุนติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4ของบริษัทขนาดใหญ่ โดยกังวลสถานการณ์โควิด-19 กระทบผลการดำเนินการบริษัทขนาดใหญ่ แสดงถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่เปราะบาง ติดตามเฟดคงหรือลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงหนัก หลังบริษัทรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในปีที่แล้วสูงถึง 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขขาดทุนสูงเป็นประวัติการณ์ โดยถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของควิด-19 และการที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน

การเปิดเผยผลประกอบการขาดทุนในไตรมาส 4/2563 โดยบริษัทมีรายได้ลดลง 37% สู่ระดับ 1.507 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดทุน 15.25 ดอลลาร์/หุ้น สูงมากจากระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.80 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนั้น เมื่อรวมไตรมาสนี้โบอิ้งประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 5 ไตรมาส

ตรงกันข้าม บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของแอปเปิล เฟซบุ๊ก และเทสลา หลังจากปิดตลาดวันนี้

หุ้นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีต่างดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ขานรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค หลังรัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันต้องทำงานที่บ้านและเรียนหนังสือผ่านระบบออนไลน์

ทั้งนี้ นักลงทุนหันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และเทขายหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จาการฟื้นเศรษฐกิจออกมา

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประชุมในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ตลาดจะให้ความสนใจต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

หากนายพาวเวลส่งสัญญาณลดวงเงินในมาตรการ QE ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2556

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนพ.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนธ.ค.